วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

:+:จัดฟัน No.49 :+:

เนินนานมากสำหรับการจัดฟัน
16 สิงหาคม 2555
4ปี 1 เดือน
ระยะเวลาของการจัดฟัน
รอบนี้ไปแบบ...เสียมิได้ไม่รู้จะทำสีอะไรดี

แต่แล้วก้อได้สีที่ชอบ....สีชมพูคะ

รอบนี้คุณหมอเปลี่ยนลวด เส้นใหญ่ขึ้นสำหรับฟันล่าง
และฟันบนก็ดึงออกมาดัดโค้งใหม่
แต่รอบนี้ไม่ต้องใส่ยางดึงเลย 
อีกนานไหมน๊า
กว่าจะเสร็จ


วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พบหมอ::เดือนสิงหาคม2555 >> Negative ครั้งที่3 สุดยอด

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555
       อีกวันที่ต้องไปตามนัดหมอ....กี่เดือนแล้วน๊าที่ต้องกินยาเพรดนิโซโลนปริมาณเยอะ เนื่องจากโปรตีนรั่ว อ่อ ตั้งแต่มีนาคม 2555ซิเน้อ...ตอนนี้ก็ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มตั้งต้นยาตั้งแต่ 12 เม็ด ณ จุดนี้เหลือ 3 เม็ด (ร่วม5เดือนนิดๆ) แล้ววันนี้ก็มารับโจทย์ชีวิต...อ้อมอารมณ์เฉยๆแถมรู้สึกไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะไม่รู้จะกังวัลไปแล้วได้อะไร 555 อะไรจะเกิดก็ต้องยอมรับ(เป็นสิ่งที่คนเป็น SLE ต้องเผชิญเสมอ..เรื่องความไม่แน่นอน หรือ Surpriseในชีวิตนี้เอง)
....วันนี้ต้องไปทำไรบ้างหรอ....ไปเจาะเลือด และ เก็บปัสสาวะค่ะ... ^_^
พบกว่า ความดันปกติ แต่น้ำหนัก 57-58 Kg (แอบอ้วน) แล้ว ปัสสาวะสีโอเค ใส ไม่ขุ่น แต่ก้อต้องลุ้นว่าจะมีน้องโปรตีน และเลือดปนไหม ส่วนเลือดเจาะปุ๊บไหลปั๊บ 555
 ::ดูสีปัสสาวะกัน::
ใสแจ๋ว สีกำลังดี ^_^ โอมเพี่้ยง
ขอให้ไม่มีอะไรปนเปือน ถึงเวลาแล้ว...เวลาแห่งการรอคอย 

::มาดูผลเลือด::

WBC : การนับจำนวนเม็ดเลือดขาว (ปกติ 5-10  10^3/ul)
  - DEC : 6.3
  - Jan : 2.9
  - Feb : 3.5
  - Mar : 3.3
          April : 16.0
  - May :  11.6 
 -  May/2 :  9.2 
          - Jun : 9.2
  - July : 8.1
          - Aug : 6.7

 HGB : คือการวัดปริมาณ Hemoglobin ในเม็ดเลือดแดง (ดูว่ามีภาวะโลหิตจางไหม) (ปกติ 12-16 g/dl)
           - DEC : 13.2
   - Jan : 12.2
   - Feb : 12.4
           - Mar : 11.8
           - April : 12
   - May : 13.2
   - May/2 : 14.1
           - Jun : 13.2
   - July : 12.8
           - Aug : 13.0

 HCT : คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเม็ดเลือดแดงในปริมาตรเลือดทั้งหมด 
 (ส่วนใหญ่จะประมาณ 3 เท่าของค่า HGB) (ปกติ 37-47 %)
          - DEC : 39
          - Jan : 37
          - Feb : 38
          - Mar : 35
          - April : 37
          - May : 39
  - May/2 : 41
           - Jun : 39
          - July : 38
          - Aug : 40

Platelet Count (PLT) : คือการนับจำนวนของเกร็ดเลือด ต่อ mL ในเลือด  (เกร็ดเลือดมีความจำเป็นที่ทำให้เลือดแข็งตัว) (ปกติ 150-450  10^3/ul)
          - Jul : 184
           - DEC : 229
   - Jan : 204
           - Feb : 224
           - Mar : 215
           - April : 325
  -  May :  309
  -  May/2 :313
          - Jun : 241
 - July :  284
          - Aug : 255

::มาดูผลปัสสาวะ::



แบบนี้ต้องฉลองคะ >>> นู๋อ้อม ทำได้อีกครั้ง Negative อีกแล้ว โปรตีนและเลือดไม่ีรั่วแล้ว จัดว่าเป็น การ Negative ครั้งที่ 3
:: สรุปเรื่องยา :: 
  • ทานเพรดนิโซโลน จำนวน 2 เม็ด ต่อวัน จำนวน1 เดือน (20 สิงหาคม -16 กันยายน) แต่หากอาการไม่ดีก็ให้เพิ่มยา
  • ทานยาเคลือบกระเพราะเช้า- เย็น ก่อนอาหาร
  • ทานไฮดรอกซ๊่คลอโรควิน จำนวน 1 เม็ดก่อนนอน (เหมือนเดิม)
  • แคลเซียม Zinc Vit C สามารถทานได้ (อันนี้เสริมเอง)

สรุปแล้ว ทุกอย่างดีขึ้นมาก

ปะ ปะ หมอเรียกแล้ว เข้าไปยิ้มสวยให้หมอดูดีก่า 


หมอ : สวัสดีครับ เป็นอย่างไรบ้าง พร้อมหมอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
อ้อม : เดินไปแบบหมดอะไรตายอยาก แบบว่า รมบ่จอยแต่วัน...มีข่าวดีหรอค่ะหมอ
หมอ : ผมกำลังเปิดดูผลเลยครับ
อ้อม : นั้งลงด้วยใจที่นิ่งและเฉยชามาก
หมอ : โอ้ผลดีมากเลย Negative ครับ อ้อมโชคดีมาก ^_^
อ้อม : 
อะไร Negative คะ แอบดูผลปัสสาวะ
หมอ : นี้ไง ผล Negative ทั้งโปรตีน และ เลือดเลยคร่าวนี้ แล้วนอกจากนี้ผลเลือดก็ดีมาก
อ้อม : 
อะ อะ ไหนคะดูหน่อย
หมอ : เลือดค่า  Hct ก็เยอะ 40 แล้ว เข้าเกณฑ์คนปกติ (เป็นแบบนี้มาช่วงใหญ่ๆ)
อ้อม : 
ง่าเลือดดีเพราะอ้วนเป่าค่ะ นี้อ้วนจน กลิ้งได้และ
หมอ : ไม่นะครับ อันนี้ดีด้วยตัวเอง เพราะโรคสงบแล้ว อ้อมโชคดีมาก
อ้อม : อะ สงบ หายนะหรอหมออคะ
หมอ : ใช่ครับ...อ้อมลองเอาผลเลือดกะปัสสาวะไปโพสซิ...ครายๆก็จะบอกว่าดีมาก
อ้อม : 
อ่อ...แบบนี้คือ อ้อมหายแล้วหรือหายจากไตรั่ว หรือกำลังหายอะไรคะ งง
หมอ : คือ อ้อมตอนนี้ไม่มีการรั่วของโปรตีนแล้ว ไตทำงานปกตื และโรค SLE กำลังใกล้สงบ หากผลเป็นแบบนี้เรื่อยๆหกเดือน มีโอกาสที่โรคจะสงบไปได้นานเลย โชคดีมากครับ(พูดอีกแล้ว)ได้ลดยาเหลือ2เม็ด(แต่ช่วงออกกิจกรรมกะปูนให้เพิ่มเป็น3)..หมอบอกว่าโชคดีมาก ที่อ้อมตอบสนองกะสเตรอย ทั้งไตและเลือด กลับมาปกติเลยและหากผลดีแบบนี่เรื่อย(สัก6เดือน) โรคสงบแน่ๆ^_^

     แต่หมอเน้นย้ำว่า
.."อย่าชะล้าใจ&อย่าประมาท"..เพราะหากกำเริบ อาจจะไม่โชคดีอย่างนี่อีก(คือแค่เพิ่มเพรด..แล้วเอาอยู่่)

     หมอเค้านึกว่าอ้อมกังวลเรื่องมีลูก...อธิบายอ้อมยกใหญ่พร้อมบอกว่าไม่ต้องคิดมากหากเกิดตั้งครรภ์เรามาว่ากัน พึ่งมีคนไข้่ผมที่เป็นSLEแล้วพึ่งคลอดลูกไป ก็มีแต่ผมยังไม่ได้เจอกัน ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี...อีกอย่างจะให้ดี 2ปีโรคสงบค่อยมีดีที่สุด อ้อมยังเด็ก อีก2ปีมีลูกก็ทัน


      เรื่องความสวยงาม มีสิวสเตรอยแต่ทีอักเสบอาจจะเกิดจากการอุดตัน..ดังนั้นงดแต่งหน้า หากต้องแต่งก็ต้องทำความสะอาดให้ดี...อ้อมเลยยกเซ็ตNo.7จากบูทเพียบ หาตัวremove make upที่ไม่มีน้ำมัน 55หมดไปอีกหลาย

        หมอเน้นอีกเรื่อง เรื่องความร้อน แสงแดด มันจะทำให้เราตัวร้อน ปวดหัว และมีอาการของโรคแสดงออก หมอเลยเขียนใบรับรองแพ้ให้
1ใบใหม่เลยว่า..เป็นsleแพ้ภูมิตัวเอง ควรเลี่ยงแสงแดดเพราะแสงแดดทำให้โรคกำเริบ อาจทำให้ไตวายได้

        หมอบอกว่าทีอ้อมเจ็บข้อเท้าอาจจะเกิดจากน้ำหนักตัว และรองเท้าที่อาจจะรองรับสรีระเราไม่ดี รองเท้าควรมีส้นนิดหน่อย
       เรื่อง การกินก็ สุก สะอาด ผลไม้ปลอกเปลือก..ผลไม้ตามรถเข็น อันตรายมาก (สกปรกมาก)ทำเองได้จะดี

:: Next Appointment :: 
  • วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน 2555 
        แอบบมีลุ้นเพราะตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2555 ถึง 21 กันยายน 2555 มีตะลอนทำกิจกรรม “SCG Ready Together Program”   เพื่อให้น้องๆ เข้าใจ และมองเห็นภาพธุรกิจทั่ง หมดของพวกเรา วัฒนธรรมการทำงาน
ความรู้เกี่ยวกับระบบ และเครื่องมือพื้นฐานที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการเรียนรู้ วิธีการทางานร่วมกันอย่างมีความสุข และสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงาน รวมทัง้ เพื่อให้พวกเรา SCG People ทุกคน เกิดความรัก ความผูกพัน ร่วมกันภาคภูมิใจใน SCG ปฏิบัติการแห่งความภาคภูมิใจใน SCG 21 วั

      มีเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วมีกืิจกรรมกลางแจ้งด้วย --" นู๋อ้อมแอบหวั่นๆกลัวโรคกำเริบจัง
กิจกรรมที่น่าสะพรึ่งกลัว อาทิเช่น  สร้างฝายยายดา ปลูกป่ายูคาลิปตัน เป็นต้น แต่เอานะ เราต้องรู้จักตัวเองและรู้ว่าไหวหรือไม่ไหว ^__^




วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

BK_=: ไปหาหมอมาแว้ว :=

      หลังจากเมื่อวันที่ 19-02-09 เป็นลม นู๋อ้อมก้อตั้งใจจะไปหาหมอซะหน่อย แต่วันศุกร์งานเยอะ ทำไรเรื่อยๆจนเย็น ก้อเลยไม่ได้ไปหาแต่ก้อรีบกลับบ้านมานอน เพราะเหนื่อยๆเพลียๆ หัวใจเต้นแรงทั้งวัน (หยุดเต้นคงเป็นเรื่องเน้อ)
     และแล้ววันเสาร์ (21-02-09) ฤกษ์งามยามดี ก้อเลยไปหาหมอที่โรงบาลเกษมราษฏร์ ซะเลย แต่ก่อนแอบหนีไปมหาลัยหน่อย ไปรับ Transcirpt ซะหน่อย ผ่านไปสองเดือนแล้ว ยังไม่โผล่ไปรับ จนได้รับซะที่ (เพื่อหางานใหม่) อิอิ
     แล้วก้อเลยไปโรงบาล ถึงโรงบาลก้อ สิบโมงกว่าๆก่อนอื่นก้อไปชั่งน้ำหนัก Ok ลดไปโลนึงได้ แล้วก้อวัดความดัน 103/61  คุยกะหมอสาระพัดอาการ หมอก้อ ฟังหัวใจ ฟังปอด กดท้อง ดูตา แล้วก้อฟังเราหายใจ นิ่งไปพักใหญ่ บอกว่าจับเจาะเลือด
    เจาะไปหนึ่งเข็มกางๆ แล้ว สี่สิบนาทีรอฟังผล ระหว่างรอก้อนั่งเล่นมองไปเรื่อย จนนึกได้ ถ่ายรูปดีก่า แต่ไม่ได้เอากล้องลงจากรถ เลยใช้มือถือนี้ละ (คู่มือคู่ใจเรา) อิอิ แล้วผลก้อออกมา เหอๆ เลือดก้อยังOk แต่ไม่ค่อย work หมอบอกว่าต้องนอนเยอะๆ กินเยอะๆ งั้น weekหน้ามาหาอีกทีนะ
     ช่วงนี้ก้อพักๆเยอะ เพราะฟังการหายใจมันแปลกๆ ออกกำลังกายต้องระวัง แล้วอะไรอีกหว้า เอายาไปบำรุง และก้อมียานอนหลับด้วย เหอๆ พอรับยาดูแล้ว เซงเลย มีก่อนอาหาร 3 มื้อเลย (แบบนี้บังคับเรากินข้าวทุกมื้อนี้หว้า) แล้วก้อมีหลังอาหารเช้า และก้อมียาเกี่ยวกะกระเพาะด้วย และมียาให้หลับด้วย
     เหอๆ กิน กิน กิน และก้อนอนเยอะๆ เป็นหมูไหมนี้อ้อมเอ่ย แต่ยังไงก้อต้องเชื่อเค้าเน้อ หมอสั่งนี้ทำไงได้ไม่งั้นเดียวได้เป็นไรหนักก่านี้(จะมีคนดีใจใหญ่) อะไม่ช่าย ล้อเล่น Ok ค่ะจะดูแลตัวเองดี จะเลิกทรมานตัวเองและคิดมากและ เมื่อใกล้จะแย่ถึงเข้าใจว่ามันท่รมานแค่ไหน
     แล้ว weekหน้าจะมา Update ผลให้ฟัง อิอิ ขอบคุณทุกกำลังใจ และความเป็นห่วงนะค่ะ ดีใจจัง มีคนรักเราอีกมากมาย อ้อมจะไม่ดื้อและ ^_^

BK_.::โรครูมาตอยด์::. เป็นไงหรอ?

เริ่มเข้าใจแล้วว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ์ นั้นดีแค่ไหน
        ช่วงนี้เข้าออกโรงบาลอาทิตย์เว้นอาทิตย์เลย เหอๆ หลังจากไปหาหมอเพราะเป็นลม ก้อกินยามาตลอด ทานข้าวทุกมื้อ กินจนอ้วน แต่ไม่สนใจละ เอาสุขภาพไว้ก่อน อิอิ (กลัวโดนเจาะเลือดอีกไง)
          แต่แล้ว weekต่อมาดก้อไปหาอีก เพราะรู้สึกเจ็บข้อเท้า บริเวณเอ็น100หวาย แบบเดินไม่ได้เลย หมอก้อเลยให้เราทานยา แต่ยาพวกนี้แรงต้องระวังเวลาทานต้องทานหลังอาหารทันที่ ก่อนทานต้องทานยาเคลือบกระเพราะก่อนสามสิบนาทีเลยนะ และเลี่ยงการใส่รองเท้าสูงไม่เกิน 1นิ้วครึ่ง แต่อ้อมก้อปฎิบัติตามเพราะ หมอบอกว่าการเจ็บตามข้อ ต่างๆนี้อาจจะเป็นอาการที่แสดงออกของบางกลุ่มอาการ หากไม่ดีขึ้น อาจจะต้องมารเจาะเลือดเพื่อ check อย่างละเอียด
         นู๋อ้อมฟังดังนั่นเลยต้องทานยาและเลี่ยงทุกอย่างที่ทำให้แย่ไปอีก  ที่จริงอ้อมชอบเจ็บเอ็นร้อยหวายประจำ 2-3 ปีที่ผ่านมาก้อเข้าโรงบาลเพราะเจ็บข้อเท้านี้ละบ่อยๆ งวดนี้เลยต้องดูแลตัวเองดีๆ แต่อะนะ โชคร้าย เมื่อคืนวันอังคาร ดันทานยาแก้อักเสบแล้วดื่มน้ำไม่มากพอ (มักง่าย)นอนซะเลย แล้วพอตี2ก่าๆ รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก(นึกว่าฝันร้าย) แต่ไหนได้ ไม่ได้ฝันตื่นมาดื่มน้ำ ก้อไม่หายรู้สึกว่ายาติดคอ แต่แล้วก้อ อาเจียน โอ้ เซงเลยคราบ ขมไปหมด เช้ามาก้อรู้สึกยาติดต่อมาตลอด แล้วก้อพยายามทานไรเรื่อยๆเพื่อจะไล่มันลงไปได้ แต่หนำซ้ำ มันดันแน่น และเจ็บตรงหลอดอาหารทุกครั้งที่ กลืนทุกอย่าง แม้กระทั่งน้ำ จะเคี้ยวละเอียดแค่ไหน ก้อปวด บางจังหวะที่ลมตีขึ้น ก้อเจ็บปวดมาก ร้าวไปทั้งอกและซี่โครงเลย นอนก้อเจ็บเวลาจะผลิกตัว เอาว่าทรมานมาก
       จนวันนี้ วันอาทิตย์ที่15 มีนาคม 2552 ถึงเวลานัดกะหมอ
       เลยได้ไปพบหมอแล้วบอกว่ายังเจ็บตามข้อ และก้อหัวเข่าแล้วก้อข้อนิ้วดูได้เลย ยังบวมอยู่เห็นๆ หมอเลยสีหน้าไม่ค่อยดี จับเราเจาะเลือดอย่างไว แล้วหมอก้อเล่าให้ฟังว่ามันมีแนวโน้มยังไงเราต้องส่งผลไปตรวจดูในเรื่องโรคS L E (Systemic lupus erythematosus )ควบคู่ไปด้วยแล้วเดียวอีกชั่วโมงก่าๆ ค่อยมาฟังผลเรื่องโรครูมาตอยด์ เหอๆ นู๋อ้อมเลยเล่าเรื่องยาติดคอให้หมอฟัง หมอบอกว่าอาจจะเกิดอาการจากโรคกรดไหลย้อน และยาที่ทานไปเกี่ยวกะข้อมันอาจจะแรง และตัวอ้อมเองอาจจะเป็นโรคกระเพราะด้วย มันเลยอักเสบภายใจ --" อะไรกันหนักกันหนานี้ฉาน T_T
        แล้วก้อมาถึงเวลารับผล เอาเป็นว่าโอกาสอ้อมเป็นโรคในกลุ่มโรครูมาตอยด์30 % เพราะผลเลือดมีอาการอักเสบ แล้วหมอก้อถามว่าผมร่วงไหม เช้าๆตื่นมารู้สึกมือเกร็งๆ หรือชาไหม ตอนนี้เป็นแผลในปากหรือเป่า Oh My God ที่หมอพูด มันเป็นมาหมด แย่แล๊นฉานๆ หมอบอกว่าไม่ต้องตกใจ เดียวจะจัดยาให้ทานก่อน แล้วคงต้องเปลี่ยนยาและรักษาเรื่องกระเพาะและลำไส้ที่อักเสบก่อน ไม่งั้นหลอดอาหารที่อักเสบจะไม่หาย แล้วกรดจะไหลย้อนมาอีก Ok เลย แล้วWeekหน้ามาฟังผลว่าเรามีโอกาสเป็น SLA ไหม(หมอบอกว่าโรคพุ่มพวง) อะไรฟะนี้ มันเป็นได้ไงหมอ หมอบอกว่ามันเป็น Genetic พันธุกรรมหรอหมอ อ้อมเลยบอกว่าที่บ้านไม่มีครายเป็นเลยน๊า เค้าบอกว่ามันแฟงอยู่ได้หมดแต่ว่าใครจะแสดงออกมากก่า Ok ก้อฟังไป เดินออกมาก้อไม่กล้าจะเล่าไรให้พ่อฟังมาก เพราะหมอบอกว่าเดียวมาฟังผลอีกที่เพราะหมอยังไม่ได้สรุปอะไร 100% แต่ทราบก่อนรู้ก่อนจะดี เราจะได้รักษาให้ดีขึ้นจะได้ไม่ต้องผ่าตัด
     เครียดเลยคราบช่วงนี้ แต่ยังมารู้จักโรคต่างๆก่อนดีก่า
:: โรครูมาตอยด์::
สาเหตุของโรครูมาตอยด์
·         โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคออโตอิมมูนชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกว่าโรคภูมิแพ้เนื้อเยื่อตัวเอง ผู้ป่วยมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ โดยเม็ดเลือดขาวสร้างแอนติบอดีต่อเนื้อเยื่อของตนเอง ตัวอย่างคือแอนติบอดีทีมีชื่อเรียกว่า "รูมาตอยด์ แฟคเตอร์"
·        ปัจจัยทางพันธุกรรม ยีนหลายชนิดเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาทิเช่น HLA-DR4 ซึ่งพบมากถึงสองในสามของผู้ป่วยโรคนี้
·        การติดเชื้อโรคบางชนิด พบว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดเชื้อไวรัส ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารพันธุกรรมในเซลล์ของผู้ป่วย ปัจจุบันมีการศึกษาเรื่องนี้อย่างกว้างขวางและจะนำมาซึ่งแนวทางการบำบัดรักษาโรคนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
·         เพศ ผู้หญิงเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์มากกว่าผู้ชายหลายเท่า และเมื่อเวลาตั้งครรภ์ อาการของโรคมักจะสงบ หลังคลอดบุตรในช่วงปีแรก อาการของโรคจะกลับมารุนแรงได้อีกครั้ง เชื่อว่าอาจเป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
·        ปัจจัยจากสภาพแวดล้อม พบว่าการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ส่วนการดื่มชากาแฟ ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
·        ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับกลไกการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ พบว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไม่ได้เป็นโรคๆ เดียว แต่เป็นกลุ่มของโรคที่ก่อให้เกิดลักษณะอาการที่เหมือน ๆ กัน ดังนั้นจึงไม่สามารถอธิบายสาเหตุ
อาการของโรค
         ผู้ป่วยมีอาการปวดตามข้อ และมีการอักเสบร่วมด้วย ลักษณะอาการก็คือ นอกจากจะปวดตามข้อแล้ว ยังมีการบวมของข้อ หรือแดงร้อนได้ หรือแค่อุ่นๆ จะรู้สึกได้ ถ้าวางมือที่ข้อทั้งสองข้างเพื่อเปรียบเทียบกัน หรือเทียบกับบริเวณผิวหนังที่อยู่ข้างๆ กัน ซึ่งอาจมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ที่สำคัญก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการข้อขัดในเวลาเช้าเป็นอีกลักษณะหนึ่งของการอักเสบ เช่น กำมือ หรือเหยียดมือไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่อาจเป็นนานประมาณ 30 นาที บางรายอาจกำมือหรือเหยียดมือไม่ได้จึงถึงช่วงบ่าย
          อาการระยะเริ่มแรกส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะปวดข้อ อาการบวมอาจยังไม่ชัดเจน ผู้ป่วยบางรายอาจปวดแค่ 2-3 ข้อ แต่ข้อที่มักจะเป็นมากที่สุด จะเป็นในมือและเท้า ข้อต่อนิ้วมือและข้อกลางนิ้วมือ ข้อปลายนิ้วมือไม่ค่อยเป็น และมักเป็นทั้งสองข้าง ส่วนที่เท้ามักเป็นที่ข้อเท้า และข้อของนิ้วเท้า ความรุนแรงของโรคที่มากที่สุดอาจพบว่า มือบวมไปหมดทั้งมือ แต่ทั้งก็ยังสามารถรักษาอาการบวมได้ ถ้ารุนแรงที่สุดคือ กระดูกถูกทำลายไปแล้วถืงขั้นกระดูกหงิกงอ
          โรครูมาตอยด์จัดเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่น คือ มีการเจริญงอกงามของเยื่อบุข้ออย่างมาก เยื่อบุข้อนี้จะลุกลามและทำลายกระดูกและข้อในที่สุด โรคนี้มิได้เป็นแต่เฉพาะข้อเท่านั้นยังอาจมีอาการทางระบบอื่นๆ อีก เช่น ตา ประสาท กล้ามเนื้อ เป็นต้น เมื่อเป็นโรครูมาตอยด์ เยื่อบุข้อจะมีการเจริญงอกงามและมีการหนาตัว จากนั้นจะลุกลามทำลาย ระดูกและข้อในที่สุด ในระยะแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามข้อ มีอาการฝืดขัดข้อเป็นเวลานานในตอนเช้า เมื่อมีอาการชัดเจนข้อจะมีการบวม ร้อน และปวด โรคนี้สามารถเป็นได้กับทุกข้อของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยคือ ข้อของนิ้วมือ ข้อมือ ข้อเข่า ข้อเท้า และข้อนิ้วเท้า อาการของข้ออักเสบจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในบางรายอาจมีอาการรุนแรงแบบเฉียบพลันได้ บางรายอาจมีไข้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดร่วมด้วยได้ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการทางระบบตา ปอด และมีปุ่มขึ้นตามตัวได้
           เอาละแค่นี่ก่อนละกัน ยังไงรักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ แล้วจะมา Update ต่อWeekหน้า ตอนนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆก่อนไม่งั้นหมดสวยแน่ๆ 555 ล้อเล่น

BK_"weekที่วุ่นวาย"_กะการตรวจเลือดหาSLE

ทำไมรู้สึกวันเวลาเดินเร็ว ทำไรไม่ได้ดังใจเลย ดูแล้วอะไรก้อรนๆไป
เหอๆ 24 ชั่วโมงนี้จะไม่พอแล้วจริงหรอ?
ม่ายหรอกมั้งอ้อมคง manage เวลาไม่ดีเองละมั้งเรื่องงานไม่ขอพูดถึงละกัน

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2552
      เที่ยงก้อไปโรงบาล......อย่างกะบ้านหลังที่2 ไปมันทุกอาทิตย์ คร่าวนี้ไปรับผลเลือดนะค่ะ ก้อเลยต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะโทรมาโรงบาลขอฟังผล เค้าไม่ยอมต้องให้เราเข้ามารับเอง แป๋ว ๆ เลยต้องรีบเข้ามา อืม เจอหน้าหมอ หมอก้อถามเลยว่าเป็นไงบ้างเราก้อบ่นไปเรื่อย เรื่องเจ็บหัวเข่า ปวดข้อนิ้ว ชาๆ ตรึงๆนิดตอนเช้า หมอก้อ เลยบอกว่าแล้วทำไง อ้อมก้อเลยบอกว่า เมื่อยปวด ก้อเลยไม่ใส่รองเท้าสูงแล้วไม่ค่อยออกไปเดินไหนนะคะ เลยไม่ปวดก่าเดิม
    หมอก้อเปิดกระดาษมาให้ดู เขียนว่า
Test : ANF (ANA)
Result : Peripheral:-, Homogeneou: 1:320 , Speckled: 1:320 fine, Nucleolar :-
    มันคืออะไรหว้า ? อ่านแว้วก้องง หมอก้อเลยบอกว่าเลือดทีตรวจเป็นบวก + ในใจก้อคิดว่าเป็น Positive ก้อไม่ดีดิ --" มันคือไรหรอหมอ หมอก้อบอกว่า ตอนนี้เรียกว่า โรคแพ้ภูมิ autoimmune disease เย้ยเราเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองหรอ? มันเป็นไงงะ ก้อคุยกันยาวๆเยอะเลย เกี่ยวกะ SLE นะค่ะ
   แล้วหมอก้อจับเราไปเจาะเลือดอีก คร่าวนี้เอาไปซะเยอะเลยเพราะต้องไปcheck ในแง่อื่นๆเพื่อดูว่าเราต้องระวังอะไรบ้าง (ตอนนี้ตรวจว่าเป็นSLEแล้วแต่ยังระบุไรไม่ได้ว่ามันไปก่ออาการที่อวัยวะส่วนไหน) เพราะหากแพ้ภูมิตัวเองแล้วไปให้เนื้อเยื่อที่ ไต หัวใจ หลอดเลือด ปอด สมอง นั่นเกิดการผิดปกติ ก้อจะทำให้เรา แย่ได้.....(ไม่ต้องอธิบายนะว่าหมายถึงอะไร) เลยต้องตรวจอย่างละเอียด อีก 5 weekมาอีกทีละกัน
     ตอนนี้ก้อเลี่ยงแสงแดด  เหอ แดดนะหรอหมอจะเลี่ยงได้ไง หมอบอกว่าแดดจะกระตุ้นโรค SLE อาจจะไม่ดี อ้อมเลยบอกว่าแย่แล๊น งั้นก้อไปดำน้ำไม่ได้ดิค่ะ หมอบอกว่าต้องหยุดดำน้ำเลย เพราะคุณเสี่ยงมาก หมอรีบเอาปฏิทินมาดูเลยเพื่อนัดดูผลให้เร็วขึ้น อ้อมบอกว่าไม่เป็นไรค่ะเดือน May โน่นละหมอทีคิดว่าจะไป (แค่คิดๆไว้) หมอบอกว่างั้นไม่เป็นไร ทันฟังผลก่อน จะได้รู้ว่าต้องระวังอะไรอีก
    เพราะเคยมีนายตำรวจ เค้าเป็นโรคนี้แต่ไม่ทันทราบว่าเป็นอะไรทีตรงไหน(หมายถึงที่อวัยวะไหน) เค้าก้อเห็นว่าตัวเองไม่เจ็บข้อไม่ปวดไรแว้ว เลยไปออกภาคสนาม ปรากฏว่าเจอแดดมากเกิน ทำให้ไตวาย เลยเสียชีวิต ฟังแค่นี้นู๋อ้อมเลยนิ่งและบอกว่า Ok ค่ะจะไม่ดำน้ำช่วงนี้ และจะเลี่ยงแดด (SLE มันสังเคราะห์แสงหรอหว้า? แอบเถียงในใจ) อืม เป็นไงเป็นกัน หมอบอกว่ามันไม่ติดต่อ ไม่ช่ายโรคเลือด ไม่ช่ายธาลัสซีเมีย หรือลูคีเมียนะ แต่เราต้องพักผ่อนเยอะๆ
    อ้อมก้อเลยนึกได้ว่า ฉานบริจาคเลือดไป แบบนี้เป็นไรเป่าค่ะ? หมอรีบบอกว่าอย่าคิดมาเราไม่ได้ทำร้ายใครแค่เลือดเราจะเข้ากะคนอื่นยากเท่านั่นเอง ไม่ช่ายเลือดเราผิดปกติซะหน่อย ที่เป็นแบบนี้มันเป็นเพราะเรามียีสต์นี้แฝงอยู่ (เชิงว่าโรคนี้ยังหาเหตุผลแท้จริงว่าเป็นได้เพราะอะไรยาก) เท่านั่นเองไม่ช่ายโครโมโซม เหอ ๆ ฟังแล้วนึกถึงวิชาชีวะเลย เราก้อได้แต่เอ่อๆอ่อๆไป
    นั่งดูผลอีกแวบนึกได้ว่า หมอค่ะ หากนู๋มีลูก ลูกนู๋จะติดไหมนี้ หมอก้อยิ้มๆ หมอบอกว่าไม่ช่ายโครโมโซมนะ มันคนละแบบกัน (ยิ่งฟังยิ่งงง) แต่เอาเป็นว่าไม่อันตรายอะไรหรอกถ้าจะมีลูก อืมสงสัยจะถามไกลเกิน เลยมานั่งรอเวลาไปเจาะเลือด 
     
    พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว เหอๆ เครียดอีกแน่เลยเรื่องมันเยอะไปหมด แต่ก้อต้องสู้ๆ เดียวไปนอนละ จะได้พักผ่อนเยอะๆ แล้วจะมา Update ผลให้อีกทีน๊า (อีก5 weekจะมาเล่าให้ฟังน๊า)

BK_ :+: Negative :+:_ ก็ยังงงว่าเป็นไหมนี้

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน 2552

     วันหยุดอีกวันที่เรายังคงต้องไปหาหมอ ที่จริงต้องเป็นวีคสิ้นเดือน แต่เราอยากรู้ผลไวๆเลยขอเลื่อนวันมาพบหมอ เพราะอยากไปเที่ยวแบบไม่ต้องกังวล

     และแล้วก้อเดินยิ้มไปหาหมอ พยาบาลทักว่ามาเจาะเลือดอีกหรอ วันนี้อ้อมฉายเดี่ยวเดิน ต๊อกแต๊ะไปเรื่อย แต่ก้อชิวๆดีค่ะ แดดร้อนนิดหน่อยไปถึงโรงบาลก้อ 11 โมงได้ค่ะนั่งพักให้หายร้อนก้อไปวัดความดัน 68/112 มั้ง ก้อต่ำนิดหน่อย แต่ดีก่าครั้งก่อน แล้วก้อนั่งรอหมอต่อไป

    เข้าไปหมอก้อยิ้มเลย เราก้อยิ้มให้บอกหมอว่าอยากรู้ผลเร็วๆเลยเลื่อนนัดค่ะ หมอเลยแซวว่าจะไปดำน้ำหรอ อิอิ อ้อมบอกว่าแค่มีแพลนนะค่ะยังไม่แน่ แล้วผลเป็นไงค่ะ......Negative ครับ! เย้ๆ เลือดที่เจาะไป ไปตรวจ DNA RNP RNAอะไรก้อไม่รู้ ฟังไม่ทัน(อ่านไม่ออก)แต่ผลพวกนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่า อวัยวะภายในพวก ไต ตับ ไรแบบนี้ไม่ได้เป็นอะไร และก้อไม่มีผลออกเป็นบวกหลอก หรือ ลบหลอก สรุปว่าผลค่อยข้างเชื่อถือได้ แต่ ANA ที่เคยตรวจ พวก Auto Immu ไรนั่นนะ ยังสูงเช่นเคย 1:320 ปกติมันต้อง 1:80 นะ เราก้อบอกว่าแล้วยังไงงะค่ะ เค้าก้อบอกว่า ก้อตกกลุ่มอาการแพ้ภูมิตัวเอง แต่ไม่ได้เกิดทีอวัยวะสำคัญ ประกอบกะอาการที่เกิดขึ้น เช่น บวมตามข้อ เจ็บข้อ ผมร่วง อะไรแบบนี้ละ

    ดังนั่นก้อต้องเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้กำเริบ อาทิเช่น แสงแดด ฮอร์โมน และพักให้เพียงพอ รวมกับ สองเดือนนี้ให้สังเกตอาการต่างๆ ว่ามาอะไรกำเริบอีกไหม หากต้องไปตากแดดควรทาครีมกันแดด ป้องกัน

    อ้อมก้อมีคำถาม? งั้นเราก้อไปตากแดดให้กำเริบเลยดีไหมค่ะจะได้รู้ว่าอะไรที่ไหนยังไง? หมอก้อบอวก่ามีคนถามแบบคุณเหมือนกันแต่บางอาการมันทำแบบนั่นไป ก้อจะถึงชีวิตได้เลยนะ  เอ่อ จริงด้วย นึกว่า Test ระบบ ก้อเลยตอ้งเชื่อหมอไป อิอิแต่เอาน๊า ผลเลือดที่ออกมาไม่เป็นบวกก้อดีใจหนักหนา จะไดลั้ลล้าแบบเต็มรูปแบบแล้ว ^_^ แต่ต้องเลี่ยงแดด 
    แล้ว อีก2 เดือนมาเจาะเลือดใหม่ ได้ใบแลปมาด้วย เขียนว่า

  • Urine-Fluid-Stool Analysis แล้วก้อมีกากบาที่ LTL
  • Hematology - Serology แล้วมีกากบาทที่ LAL

    อะไรหว้า ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าไม่เป็นไรหนักหนาก้อดีแล๊น จะได้ไปเที่ยว เล่นน้ำได้สบายใจ

BK_:+:โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์:+:_@หมอกิตติ

         เคยไหม.... ที่ตื่นมาก้อรู้สึกตึงๆที่มือ
         เคยไหม.... ที่ตื่นมาก้อกำมือไม่ได้
         เคยไหม.... ที่รู้สึกปวดไปทุกข้อของร่างกาย
         เคยไหม.... ที่ทำอะไรไม่สะดวกยามเช้าแม้แต่จะแต่งตัวเอง

         หลังจากที่เจ็บๆออดแอดๆ ปวดมือ ปวดข้อ ปวดทั้งตัว ตื่นเช้ามาก้อกำมือไม่ได้ รู้สึกตึงๆไปทุกข้อนิ้ว ยิ่งใกล้มีประจำเดือน(ฮอร์โมนเปลี่ยน) ยิ่งทุกข์ทรมานอย่างเห็นได้ชัดเจน ว่ามือบวมฉึ่งเลย
          บางสัปดาห์ทนไม่ได้ต้องไปโรงบาล เพื่อขอยาบรรเทาการอักเสบตามข้อ จากปีก่อนโน่นที่เราคิดว่าเราเป็นโน่นเป็นนี้ เจาะเลือดอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ผลออกมาเป็นข้ออักเสบบ้าง เป็นรูปมาตอยด์บ้าง จนหมอสงสัยว่าเป็น SLE ไหมนี้ ไปๆมาๆก้อหายไป นานๆทีอ้อมถึงจะเจ็บปวด
           แต่นี้ สิงหาคม 2553 ปีนี้รู้สึกว่าหลายๆเดือนที่ผ่านมารู้สึก เราปวดข้อนิ้วหนักขึ้นแทบทุกเช้า สายๆ(มากๆ)ถึงจะหาย กินยาคลายกล้ามเนื้อแทบทุกวัน(กระเพาะพังพอดี)

          จนวันนี้คิดว่าต้องลองเปลี่ยนหมอ อ่านในเวบและหนังสือพิม พบว่าผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์กิตติ โตเต็มโชคชัยการ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านเรื่องข้ออักเสบรูมาตอยด์ ลองไปอ่านบทความได้
http://www.healthcorners.com/new_read_article.php?category=generalhealth&id=3978
          นู๋อ้อมเลยไปหาว่าหมอเข้าที่โรงบาลไหนบ้าง หุหุ พบเจอที่โรงพยาบาล พญาไท2
เลยขอนัดพบซะหน่อย วันแรกที่ไปเจอคุณหมอก้อดูข้อนิ้ว ที่บวมซะ กำมือไม่ได้ หมอบอกว่าตอ้งเจาะเลือดดูผลอีกที่ว่าเป็นแค่ข้ออักเสบธรรมดาหรือเป็นรูมาตอยด์ จะได้รักษาให้ถูกทาง อ้อมเลยถามว่าอันนี้กินได้แค่ยาบรรเทาหรอค่ะรักษาให้หายขาดเลยได้ไหมคะ่ หมอบอกว่าได้แต่ต้อง checkก่อนว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ปัจจัยที่ทำให้กำเริม คือ ฮอร์โมน ความเครียด นอนพักผ่อนน้อย การใช้ข้อมือ ข้อนิ้วมาก
          55+ อ้อมเป็นหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ นอนน้อย ใช้มือพิมพ์มากมาย มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อยากหายจากความเจ็บปวด เลยต้องเชื่อหมอๆปาย หมอให้เจาะเลือดไปดูอีกที(ประวัติเก่าไม่ได้เอามาจากโรงบาลโน่น)เลยต้องเริ่มใหม่ที่นี้ เค้าเอาไปสองหลอดได้ จี๊ดเลยหุหุ
          เอาเป็นว่า เด่วอีก 2 อาทิตย์คงทราบผล (เพราะหมอนัดอีกที่ 8 กันยา) แต่เช้านี้ที่เริ่มกินยามาก้อรู้สึกปกติไม่เจ็บไม่ปวดแบบทุกๆเช้า เหอๆ
รู้ก่อนรักษาก่อนหายก่อนสบายก่อนเน้อ

เช้ามาก้อซัดยามากมาย หลังอาหารทันที!


^ กระปุกนี้ ว่าด้วยยาบำรุงเลือด


เด่ว อีก 2 week มา Up ใหม่ว่าผลเลือดออกมาเป็นไง หุหุจะได้หายซะกะที่ รักษาให้ถูกจุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน หุหุ(เด่ว Chatไม่สะดวก)

BK_-:My Heathy No.2 :- @พญาไท2

     20102010 เลขสวยเลย
     งานนี้คุงหมอ กิตติ โตเต็มโชคชัยการ นัดเจาะเลือดพร้อมดูผล(ของการกินยาที่เนินนาน 1เดือนได้)คือก่อนหน้านี้กินยามามากมายตาม
Blog
(http://aomy12.multiply.com/journal/item/123) ที่
เห็นแต่ช่วงหลังกินยาแค่
         เช้า :Prednisolon  วันละเม็ด หลังอาหาร
        เย็น  : Hydroxychloroquine Sulpohate 20
0 mg  วันละเม็ด หลังอาหาร
    กินมาเดือนกว่าๆ ตั้งแต่ 25 Aug 2010 (จนถึงวันนี้) แต่จริงมีมากกว่านั้นแต่หมอหยุดให้
เหลือแค่สองตัว (จนครั้งนี้ก้อเหลือแค่ Hydrozy Chloroquineอย่างเด่วละ) 
อันนี้เป็นผลแลป วันที่ 25Aug 2010 พบว่า
-          ค่า WBS : อ้อมน้อยมาก มีแค่ 1.9 ปกติควรมี 4.00-10.00 นั้นก้อคือค่าเม็ดเลือดขาว (Update : 20102010 อ้อมมีค่า WBS เพิ่มเป็น 3.8)
-          ค่า ESR : อ้อมได้ 20 พอ แต่ควรมีค่าน้อยกว่า 20 จะดีที่สุดว่าด้วยค่าการอักเสบไรนี้ละ (Update : 20102010 อ้อมมีค่า ESR = 19)
ซึ่งคุณหมอแนะว่า :
ควรนอนวันละ 8 ชั่วโมง และออกกำลังกายทุกวัน (ทุกอย่างนี้เพื่อให้กระดูกสันหลัง ทำการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มาขึ้น) o^_^o นู๋อ้อมจะทำได้ไหมนี้เรื่องนอนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง (ส่งสัยนอน Officeนะ)
คำถาม :
         สงสัยค่า ที่คุงหมอบอกว่า Rheumatoid Factor……..:     Negative < 20 IU/ml
ว่ามันเป็น
Negative อ้อมก้อไม่ได้เป็น Rheumatoidดิ???
         สรุปว่าเป็น Rheumatoid อ่อนๆไม่ได้มากมาย ซึ่งอ้อมเคยได้ค่า= 20 แต่ Update : 20102010 ค่าลดต่ำลงเหลือ 19 ซึ่งดีแล้ว หมอบอกต้องกินยาคุ้มภูมิให้ค่าต่ำๆ (คือต่ำกว่า 20เป็นดี)
         การที่ต้องทานยาคุ้มภูมินั้นเพราะภูมิที่ร่างกายสร้างมามันทำลายข้อของเรา หากเราไม่คุ้มมัน มันจะไม่รู้จักข้อเรา(งงมะ) แล้วตอนนี้ค่าเลือดที่ออกมาก้อทำให้รู้ว่า ร่างกายเรากำลังปรับและการเจ็บปวดจะลดลงเมื่อร่างกายเราปรับได้ ^_^
ดังนั้น :
         อ้อมต้องกินยามื้อเย็น(Hydroxychloroquine Sulpohate 200 mg) วันเว้นวัน ไปอีก 2เดือน(แล้ว 15 ธันวาคม 2553ไปเจาะเลือดอีก) เพื่อดูเม็ดเลือดขาวผลิตมากขึ้นไหม? กินยาแล้วภูมิเป็นอย่างไรบ้างอะไรแบบนี้ละ แต่ยานี้ต้องกินเวลาไม่มีแสงแดดดดดด !!!! เพราะกินตอนมีแสงจะทำให้ตัวดำ(จะดำไปได้อีกหรอนี้) แล้วจงเลี่ยงแสงแดด (เหอๆ อดเล่นไรextream)         เอาน๊าเชื่อหมอเค้าหน่อย เค้าบอกว่าใกล้หายและ อ๋อๆๆยาตัวนี้มีผลทำให้ผมร่วงด้วย เหอๆไม่น่าเลยนู๋อ้อมหนีไปตัดผมมาซะแล้ว แต่เอาน๊าแค่ผมร่วง ตัวดำ(หากกินตอนมีแสงแดด) แล้วเห็นว่ามีผลต่อการมองเห็น(แต่อ้อมไม่เป็นนะ)
         อ๋อ แอบถามหมอว่าแล้วแบบนี้หากมีลูกจะถ่ายทอดไปสู่ลูกไหม (แนวว่าเป็นพันธุกรรมปะค่ะ) เค้าบอกว่า โอกาสแบบนี้เป็นได้ทุกคน หากลูกคุณจะเป็น คงจะแสดงออกเมื่ออายุ 20Up แต่หากคุณยังมีอาการอยู๋แล้วตั้งครรภ์ อันนี้ต้องมาดูแลและเปลี่ยนยา แต่คุณกำลังจะหายแล้ว มาตรวจเลือดอีกที่ผมว่าทุกอย่างก็จะ Ok Z^___^Z
         งั้นเราไม่ต้องคิดไรมาก ดูอาการ กินข้าว นอน ออกกำลังกาย และทำจิตใจให้ผ่องใส ทำให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด อย่าคิดมาก แค่ผมร่วง 55+
แล้วเดียว 15 ธันวาคม 2553 จะมาUpdate ให้ทราบอีกครั้งน๊า ว่าสุขภาพเป็นอย่างไร ต้องทำไงบ้าง อ้อมเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อย(ดูจากการรักษาที่ผ่านมา)
Note :
  •  ค่า ESR : Erythaocytl Sldimentation Rate  (ค่าความเป็นโรค)
ค่า ESR มีการแปรผันมาก ค่าจะเปลี่ยนแปรไปตามอายุ เพศ ยาที่ใช้ และโรคประจำตัวที่เป็นอยู่
โดยทั่วไปค่าสูงสุดในคนปกติ  
    ในชาย = อายุเป็นปี หารด้วย 2
    ในหญิง = อายุเป็นปี + 10 แล้วหารด้วย 2
นั่นคือค่า ESR ของผู้หญิงจะสูงกว่าของผู้ชายในวัยเดียวกันเล็กน้อย...ยิ่งค่าของ ESR สูงก็ยิ่งแสดงว่ามีการอักเสบมาก
http://www.thairheumatology.org/show_answeer.php?id_question=464
  • Rheumatoid Factor
    รูมาตอยด์ แฟคเตอร์ (rheumatoid factor ) คือ สารชนิดหนึ่งซึ่งเป็นภูมิต้านทานต่อร่างกายตนเอง (auto-antibody) กล่าวคือตัวมันเองเป็นอิมมูโนโกลบุลิน เอ็ม (immunoglobulin M; IgM) หรืออิมมูโนโกลบุลิน จี (immunoglobulin G; IgG) ชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งอิมมูโนโกลบุลินเป็นภูมิต้านทานของร่างกาย (antibody) ต่อสิ่งแปลกปลอมต่างๆ แต่กลับไปจับรวมตัวกับส่วน Fc ของอิมมูโนโกลบุลิน จี อีกชนิดหนึ่งในร่างกายตนเอง ก่อให้เกิดสารประกอบเชิงซ้อนทางภูมิคุ้มกัน (immune complex) ซึ่งสารประกอบนี้สามารถกระตุ้นให้มีกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ต่างๆ เกิดขึ้นภายในร่างกายได้อย่างมากมายหลายประเภท/หลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
http://www.thairheumatology.org/show_answeer.php?id_question=912



            

BK_เจาะเลือดหา SLE_@รพ.เกษมราษฎร์ประชาชื่น


วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2554
       ตื่นแต่เช้าไปหาคุงหมอวินัย องค์พิพัฒนกุล (หมอโรครูมาติค) ไปบ่นให้หมอฟัง ว่าครั้งก่อนปี 52 ที่เคยตรวจแล้วพบกว่ามีค่าการอักเสบเป็นรูมะตอยอ่อนๆ พอมาเดือนเก้าปีห้าสาม อ้อมได้มีอาการปวดข้อนิ้วมือและได้ไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลพญาไทสอง กับคุณหมอกิตติ....สาธยาย ยาและการใช้ยา และอาการที่เกิดร่วมด้วย และวันนี้ก้อเลยได้เจาะเลือด และตรวจปัสวะ
       หลังปีใหม่มา อ้อมเจ็บอ็อด แอ๊ด แทบเดินไม่ได้ ปวดหัวเข่าบ้าง เอ็นร้อยหวายบ้าง ข้อมือจนกำมือไม่ได้บ้าง ปวดหัวไหล่บ้าง เหอๆจนแบบว่าเจ็บจนชิน ผิวแห้ง ผื่นขึ้น
      วันนี้เลยไปหาหมอแบบไม่แต่งหน้าไปแบบ สังขารเลย 555 หมอก้อบอกว่าคงต้องจ่ายยา แบบหมอกิตติ
คือ 
     1. T-Prednisolone5 ทานวันละ 2เม็ดหลังอาหารทันทีเช้า และ เย็น
     2. T-HydroQuin(Plaquenil) 200 mg ทานวันละเม็ด ก่อนนอน
      สรุปกินยา Lotเดิมเหมือนกันหมด แต่แรงและเยอะกว่า เพื่อดูว่าค่าเลือดต่างๆเราดีขึ้น และตอบสนองต่อการรักษาจากยาดังกล่าวหรือเป่า
      วันนี้ตรวจเลือดก้อพบว่า
      - เม็ดเลือดขาวมีเพียง 2.2 (2200 เอง)ซึ่งต่ำมาก แต่อ้อมเคยต่ำกว่านี้ จะอ่อนแอง่าย
      - เม็ดแดงก้อจาง สรุปโลหิตจางตามสูตร จะทำให้เราเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
      - แล้วเกล็ดเลือดก้อค่อนข้างต่ำ 160 อะไรประมาณนี้
     หมอบอกว่าอีก 2วีคเราค่อยมาดูค่า ANA ค่า Antismsa & dsdna อีกว่ามีค่าเป็น Negative หรือ Positive เหอๆ สู้ต่อไปกินยาตามหมอสั่งไปก่อนค่อยว่ากัน

รายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.thai-sle.com/ebook-thai_sle/3/3Ebook.htm
เวบนี้เขียนได้ดีค่ะ

BK_-:My Healthy : SLE_No.1:-

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554
   
และแล้วก้อถึงวันนัด(2อาทิตย์) มาฟังผล ANAและอะไรมากมาย อ่านมะออกงะ       ตื่นเต้นไหม?....คิดว่าไม่แล้วละ เพราะทำใจกะการรับฟังเรื่องนี้มาพอสมควร เลยเฉยๆ พอไปถึงก้อเอาเจาะเลือดเป็นกิจ(ประจำ)คะ แล้วก้อไปนั้งรอคุงหมอใจดีของเรา อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆเพื่อรอฟังผลทั้งของวันนี้และ ของเก่า(ที่ตรวจหาว่าเป็น SLE)ไหม
      นั้งเล่นนอนเล่นอยู่ที่โรงบาล....ไปเรื่อยจนถึงเวลาเรียกฟังผล เดินยิ้มไปหาคุงหมอวินัยเลย ^____^เจอหน้าหมอเหมือนเป็นคนในครอบครัวไปแล้ว 5 5 5+ เจอหมอปุ๊บ หมอก้อพูดว่า ผลมาแล้ว...100% ครับ
หุหุ นู๋อ้อมก้ออืม (ซื้อหวย)คงถูก ดูที่หน้าจอผลเลือดอะไรต่อมิอะไรมากมาย
เห็นแล้วตกใจเหมือนกัน ทำไมค่าอะไรต่อมิอะไรสูงจังค๊าหมอค่ะ
-:- รายละเอียดมีดังนี้ -:-
-:- ANA Patterns        
         - Peripheral              1:320
         - Homogeneous        1:320
         - Speckled               1:320 Fine
-:- Anti - DNA                        1:160
-:- Anti -nRNP                       Positive
-:- Anti-Sm                            Positive

**Remark***
ANA : Clinical significant titter greater thna 1:80
    อ่านไม่รู้เรื่องมากหรอค่ะ แค่เห็นว่า "Positive" ก้อ อืม เราก้าวไปไกลละ เลยการเป็นรูมะตอย เลี้ยวขวาไปหา SLE เต็มรูปแบบแล้ว 5 5 + แต่ก้อยังยิ้มได้นะค่ะเพราะอ้อมคิดว่ารู้ก่อนเรียนรู้ก่อนดูแลตัวเองก่อน...ตอนนี้คุงหมอเลยให้ดูผลเลือด พบกว่าเม็ดเลือดแดงก้อดีขึ้น เพิ่มขึ้นจากเดิมมาก(34) แต่ยังไม่เป็นที่พอใจซักเท่าไร (ควรจะประมาณ 37) เลยยังลดยา T-Prednisolone(ยาสเตรอย) ไม่ได้มาก จากเดิมกิน 4 เม็ดต่อวัน ก้อเหลือ 3 เม็ดต่อวัน(ก้อยังดี) กินยาตัวนี้นู๋อ้อมจะอ้วนขึ้น(มะชอบเลย)
-:- ยาทีต้องกิน -:-

         1.T-PREDNISOLONE :: รับประทานครั้งละ 3 เม็ด วันละ1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
         2.T-HydroQuin(Plaquenil) 200 mg ทานวันละเม็ด ก่อนนอน (อันนี้เหมือนเดิม)
-:-สิ่งทีควรปฎิบัติ-:-
 1. เลี่ยงแสงแดด
และปัจจัยที่ทำอาการกำเริบ
 2. พักผ่อนให้เพียงพอ
 3. ห้ามเครียด
 4. ทานอาหารทีปรุงสุก และสะอาด (ต้องระวังเพราะเราติดเชื่อง่าย)
 5. เลี่ยงชุมชนแออัด
       อะไรมากมายที่เราต้องไปศึกษาและเรียนรู้เพิ่ม เพราะคุณหมอไมอยากให้อาการกำเริบหนักไปมากกว่านี้ ไม่งั้นจะเสี่ยง หากเกิดกับ สมอง หัวใจ ไต เนื้อเยื่อที่อวัยวะสำคัญ
      ~ สู้ๆค่ะ ไม่ใช่โรคร้ายแรง...แค่ต้องเข้าใจในโรค และ ดูแลตัวเองดีๆ ~ ช่วงนีก้้อทานยาตามหมอสั่ง แล้วอีก 2อาทิตย์ก้อไปพบหมออีก 20 กุมภาพันธ์ 2554 พบคุงหมออีกครั้ง (ภาวนาให้ได้ลดยา)
  


BK_ -:My Healthy : SLE_No.2:-

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554
      ได้เวลาการพบคุงหมอวินัยเพื่อเจาะเลือดดูอาการ จริงต้องไปวันอาทิตย์ที่ 20 แต่ติดไปต่างจังหวัดเลยเลื่อนมานึงวัน...ลางานมาตรวจกันเลยทีเดียว
      งานนี้ใจตุ๊บๆต๊อมๆนิดหน่อยเพราะพักผ่อนน้อย (นอนเช้าตามเคย)กะเจอแดดเยอะไปนิด (ไปต่างจังหวัด)ก้อแบบนี้ละ เพลียๆเหนื่อยๆด้วยคะ่ แต่ยังไวยังไงก้อต้องมาหาหมอ 55+
       ไปถึงโรงบาลก้อเจาะเลือดเป็นกิจกรรมหลัก อ๋อ งานนี้ดีใจน้ำหนักลดลงแล้ว สงสัยผ่านช่วงนั้นของเดือนไปแล้ว 55+ เห็นน้ำหนักไม่หนักโอเวอร์ (เหมือนช่วงที่แก้มห้อย)ก้อสบายใจละ
สรุปผล
     - เลือดดีขึ้น จาก 34 ---> 35 ขึ้นมานิดหน่อย

     - จากผลเลือดที่ดี ทำให้ได้ลดยา Prednisolone ไป 1เม็ด เหลือแค่ วันละ 2 เม็ดเช้าหลังอาหารทันที
     - แต่ยังคงกิน คลอโลควิน ก่อนนอน 1 เม็ดต่อไป
คุงหมอให้กินแบบนี้ไป แล้วนัดอีกที่ก้อโน่นเลย อีก 1 เดือน หมอยังคงเน้นย้ำดังนี้
สิ่งที่เน้นๆ

      - เลี่ยงแดด
      - พักผ่อนเยอะๆ

      - ทานอาหารสุกสะอาด
      - อย่าเครียด

       วันนี้นอกจากได้พบกคุณหมอวินัย เพื่อทำการตรวจเลือด ยังไ้ด้ไปพบกคุณหมอจักษุแพทย์ด้วย
เืพื่อตรวจเรื่องสายตาค่ะ....อ้อมรู้สึกมองอะไรแล้วเบลอ
ไปหมด(ไม่ช่ายเบลอว่ารักแทบนะ) 55+
พอดีคนทีกินยาคลอโลควิน จะทำให้มีผลข้างเคียง เกี่ยวกับจอประสาทตาเสื่อม อ้อมกังวลเลยขอตัวหน่อยคะ เป็นการตรวจที่ระทึกน่าดูชมค่ะ
      ก่อนตรวจ....มีการหยอดตา เพื่อขยายม่านตาค่ะ แค่หยอดแรกก้อแสบถึงท
รวงแล้วค่ะ ม่านตาขยายได้ใจ พอผ่านไปอีก 30 นาทีก้อหยอดอีก หยอดเข้าไปอะ จนตาดำเรามีการขยายม่านตาซะเกือบเท่าลูกกะตาดำเลยค่ะ สรุปผลเกี่ยวกับตา
     จอประสาทตายังไม่เสื่อม แต่มีสายตา (เบื้องต้น มียาวข้างซ้าย และสั้นข้างขวา) เค้าเลยนัดให้ไปตรวจอีกที่นึงวันหลัง เพราะเป็นเพราะใช้สายตาหน้าคอมมากไป หุหุ
    ตอนตรวจจอประสาทตา เวลาที่ม่านตาขยายนี้สู้แสงไม่ได้เลย แล้วหมอยังเอาไฟมาส่องอีก วู้ๆแสบตาเป็นบ้าเลยค่ะ แต่ก้อเอานะ สุขภาพเราสำคัญค่ะ
    เลยเป็นว่าท้างวันอยู่แต่โรงบาล เดินขึ้นลงไปทั่วโรงบาลเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง(แต่ไม่เอานะไมอ่ยกาอยู๋) 55+ เลยมีรูปมาเยอะแยะเลย เด่วเอามาลงให้ดูชีวิตในโรงบาลยามหมอนัด 55+
อะนะ ยังไม่หมด มีอีก 555+

~  อยากบอกว่า...ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่คอยเป็นห่วง ~
~ นู๋อ้อมจะรักษาสุขภาพ และดูแลตัวเองดี (เพื่อให้ได้ลดยา) ~
จะเข้มแข็ง และ ทำตามคุงหมอสั่งค๊า
จะได้ไปเที่ยว ลั้ลล้ากันอีก
^____^

BK_ทรุดอีกแล้ว & ถักหมวกไหมพรมให้คนไข้มะเร็งเสร็จและ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2554
     ละแล้วก้อถึงเวลาเจาะเลือดๆตรวจติดตามสุขภาพ....แต่ไปพบหมอที่ไร เป็นช่วงนั้นของเดือนทุกที่เลยตอนแข็งแรงๆก้อไม่ได้พบหมอ ก่อนหน้านี้แข็งแรง ว่ายน้ำทุกวันก้อดูโอเค
     แต่วีคก่อนหน้าฝนตก เครียดเหนื่อยๆ แถมมีประจำเดือนอีก เลยไปกันใหญ่...แต่ทำไงได้ ผลออกมาเลือดแย่ไปอีก เกล็ดเลือดต่ำคร่าวนี้ลดลงเหลือแค่ 2300 แต่เดือนก่อน 3600 คนปกติเค้ามีกัน5000 Up เซงเลย ทำให้หมอต้องให้กินยาเพิ่มมาเป็นวันละ 4 เม็ด เช้า 2 เย็น2 เหอๆ อ้วน อวบ หิว โหยแน่ๆ เพิ่มเสตรอยที่ไรเป็นบวมฉุ (หมดสวยพอดี)  แต่ก้อต้องกินยาตามหมอสั่งต่อไป
     ปรึกษาเรื่องยาบำรุงที่กิน ไม่ว่าจะเห็ดหลินจือเอ่ย โอเมก้า3 และไลท์แพค หมอบอกว่าเห็ดหลินจือไม่ควรทานเพราะจะทำให้ร้อน แล้วอีกอย่างอาหารบำรุงไม่ได้ช่วยรักษาโรคโดยตรง สบายใจก้อทานแต่ไม่จำเป็นต้องทานหากเรายังทานอะไรได้ตามปกติ 
    ดูแลตัวเอง เลี่ยงปัจจัยที่ทำให้กำเริบและทรุดไปอีกเท่านั้น กินยา พักผ่อน แค่นี้เด่วก้อดีขึ้น อีก 3 วีคค่อยมาดูใหม่ แต่ด้วยอ้อมเองมีไข้ขึ้นเค้าเลยบอกว่า สองสามวันนี้ หากไข้ไม่ลดให้มาหาอีกที่ วันพุธนี้เพื่อเจาะเลือดเค้ากลัวเป็นไข้เลือดออก เพราะมีไข้ เหอๆ อ่อนแอจังเลยเรา ^_^
     เอานะสู้ๆ ....เมื่อยังมีลมหายใจก้อต้องดูแลชีวิตกันไป ^____^ ไม่ให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะให้กำลังใจเราได้เน้อ 
      ปล. แต่ก้อดีใจนะค่ะวันนี้ถักหมวกเสร็จพอดี (ยังทันโครงการ) ไม่สวยมากมายแต่ตั้งใจทำสุดฝีมือเลยค่ะ 

BK_:: 10 อย่างอาหารอันตรายต่อสุขภาพ ::

ได้มีโอกาสอ่านและพบบทความดีๆเกี่ยวกับอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เห็นแล้วน่าสนใจเลยเอามาฝากเพื่อนๆค่ะ

:::10 อย่างอาหารอันตรายต่อสุขภาพ:::



อาหาร!!! ถือเป็นหนึ่งใน ‘ปัจจัย 4’ ที่มีความสำคัญต่อมนุษย์ ซึ่งตามหลักทั่วไปอาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายต้องคุณภาพดี มีสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ.....ที่สำคัญคือต้องสะอาดและปราศจาก ‘สารพิษ’ เจือปน อันจะก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่สุขภาพ 

     อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าการเลือกรับประทานอาหารในแต่ละ ‘เมนู’ ของมนุษย์ จำเป็นต้องคัดสรรมากขึ้น เพราะปัจจุบันมี ‘อาหารอันตราย’ ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยจากข้อมูลของ ‘Team Content’ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) พบว่า มี ‘เมนูโปรด’ ของใครหลายคน ถูกจัดเป็น ‘อาหารอันตราย’ อย่างน้อยๆ 10 ชนิด ได้แก่ . . . 

1. แฮมเบอร์เกอร์ 

     จัดเป็นอาหารประเภทที่ ‘มีความเสี่ยงสูง’ เพราะเวลาที่สูญเสียไปในระหว่างรอกระบวนการนำ ‘เนื้อ’ มาใช้ปรุงทำให้มี ‘แบคทีเรีย’ เกิดขึ้นได้สูง ทำให้จำเป็นต้องมีการใช้ ‘สารเคมีสีแดง’ มาช่วยกำจัดเนื้อที่กำลังจะเน่าเสีย ทำให้เนื้อแดงเปลี่ยนเป็นเขียว นอกจากนี้แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่ ‘สารปรุงรส’(MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ โดย ‘MSG’ เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ผู้บริโภคอ้วนขึ้นด้วย  

2.ฮอทด็อก 

      เป็นอีก ‘เมนูอันตราย’ เพราะมีกระบวนการผลิตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ และ ‘ฮอทด็อก’ ทั้ง หมดยังใส่ ‘สารไนไตรท์’ เพื่อช่วยทำให้เนื้อยึดตัวและช่วยเติมไส้กรอกให้เต็ม โดย ‘สารไนไตรท์’ เป็นสารที่ทำให้เกิด ‘โรคมะเร็ง’ ในกระเพาะอาหาร มะเร็งในเม็ดเลือด เนื้องอกในสมองและมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ 

      นอกจากนี้ ‘ถุงหลอด’ ที่ใช้บรรจุฮอทด็อก ก็ทำจาก ‘คอลลาเจนสังเคราะห์’ ที่เป็นสารก่อให้เกิด ‘โรคมะเร็ง’ ได้สูง มีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำ ไปปิ้งย่าง มันจะทำให้มี ‘สารพิษร้ายแรง’ ที่เรียกว่า ‘อะคริลิไมด์’(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งและ ‘ทำลายประสาท’  

3.เฟร้นช์ฟราย- มันฝรั่งทอด 

       เป็นอาหารที่มี ‘ความเป็นพิษสูง’ โดยการทอด ‘เฟร้นช์ฟราย’ ใช้อุณหภูมิสูงทำให้มี ‘สารอะคริลิไมด์’ ออกมา นอกจากนี้ ‘น้ำมัน’ ที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งแต่ละครั้งจะเกิดการ ‘ออกซิไดซ์’ ในมันฝรั่งยังมี ‘ดรรชนีกลีซิมิค’(Glycemic) อยู่สูงมาก.....นั่นหมายถึงมันเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมาก  

4. คุกกี้ 

     ที่เด่นชัดมาก คือ สัดส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ซึ่งอาหารในประเภทที่มีน้ำ ตาลปริมาณสูงเช่นนี้ จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น  

5.พิซซ่า 

      ‘พิซซ่า’ ประกอบด้วยอาหารที่มาจากการ ‘ตัดแต่งพันธุกรรม’ 5 ชนิด คือ.....  

    1.’เนยแท้’(cheese) เพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไม่ควรเรียกว่าเนยแท้ได้เลย..... 
    2.’แป้ง’ ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโม เลกุลที่เคยมีอยู่เข้าไปใหม่..... 
    3.’ซอสมะเขือเทศ’ ทำด้วยสารคล้ายมะเขือเทศที่สร้าง ‘ยาฆ่าแมลง’ ของมันขึ้นมาได้เองในร่างกายของท่าน..... 
    4.’แป้งสาลี’ ชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุกรรม 
    5.มี ‘น้ำมันฝ้าย’ ประกอบอยู่ โดยฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้ในฝ้ายเมล็ดจะเป็นตัวดูดเอาสารพิษต่างๆเอาไว้ได้มากที่สุด ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงสาธารณะสุข ต่างไม่ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันที่จะรับรองว่ามันปลอดภัยต่อการบริโภคได้หรือไม่ มันไม่ได้ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่มันเป็น ‘น้ำมันไฮโดรจีเนต’ และมีอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง 

      นอกจากนี้ ‘ผิวหน้าแป้งพิซซ่า’ ที่อบปิ้งในอุณหภูมิสูง อาจมี ‘สารอะคริลิไมด์’ เกิดขึ้นด้วย ขณะที่การเพิ่มหน้าพิซซ่า ‘เพ็พเปอโรนิ’ หรือเพิ่มหน้าไส้กรอกทำให้มีความเสี่ยงสูงจาก ‘ไนไตรท์’ สารกันบูดและสารเคมีอื่นๆ รวมทั้งไขมันอิ่มตัวที่มีการเติมเข้าไปจากโรงงาน  

6.น้ำอัดลม 

     สารตัวสำคัญที่มีอยู่ใน ‘น้ำอัดลม’ คือ ‘กรดกำมะถัน’(Phosphoric acid) ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน กรดที่สะสมอยู่ในร่างกายทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ และ ‘น้ำโซดา’ ที่เป็นส่วนประกอบอีกตัวของน้ำอัดลมจะเป็นตัวชะล้างแคลเซียมออกจากกระดูก จนทำให้เกิด ‘โรคกระดูกพรุน’ 

     นอกจากนี้ในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง จะมี ‘น้ำตาลที่ไม่ให้พลังงาน’ อยู่ 12 ช้อนชา ในน้ำอัดลมที่ช่วยลดน้ำหนักตัว หรือ Diet soda ที่ใช้ ‘น้ำตาลเทียมสังเคราะห์’(Artificial sweetener) เพิ่มความหวาน จะทำให้ร่างกายกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เพราะน้ำตาลสังเคราะห์เหล่านี้มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดามาก ขณะที่ ‘สี’ ที่ใช้เติมในน้ำอัดลม ยังเป็น ‘สารก่อมะเร็ง’ ด้วย  

7.ชิ้นไก่ทอด-เนื้อนุ่มไร้กระดูก 

      เป็นเมนูที่ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว การรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไปจะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส ‘MSG’ ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ ‘นัคเก็ตชิคเก้น’ บางอันจะมี ‘สารอะลูมิเนียม’ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสมองและเป็นอันตรายต่อการเมตะโบลิสซึมของร่างกายด้วย  

8.ไอศกรีม 

      มีไขมันอยู่สูงมากเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีน้ำตาลอยู่มากทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยไขมันไฮโดรจีเน็ตและไขมันที่แปรเปลี่ยน(Transfat) ไปจากธรรมชาติและยังช่วยเพิ่มพูนโคเลสเตอรอล ทำให้เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน ทำให้มีสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็ง  

9.โดนัท  

      โดยเฉลี่ยแล้วจะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัท 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ นอกจากนี้โดนัทยังทอดในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำมันประเภทนี้จะทำให้มีกลิ่นหืนและมีสารอนุ มูลอิสระเกิดขึ้น ทำให้เกิดสารพิษและทำให้ร่างกายเมตะโบลิสซึมช้าลง เป็นการคุกคามต่อสุขภาพที่ดี และยังเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น  

10.อาหารขบเคี้ยวยามว่าง 

    ในปัจจุบันมีการบริโภค ‘โปเตโต้ชิพ’ กันมาก โดยน้ำมันที่ใช้ในการทอดโปเตโต้ชิพในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์ และทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทออกมา นอกจากนี้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ถุงอาจได้รับสารอะคริลิไมด์สูงมากกว่า 500 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราสูงสุดที่อนุญาตให้มีในน้ำดื่มทั่วไปได้การรับประทานโปเตโต้ชิพ 1 ชิ้น อาจได้รับสารอะคริลิไมด์ เท่ากับอัตราที่มีอยู่ในน้ำดื่ม 1 แก้ว 

     นอกจากนี้ใน ‘โปเตโต้ชิพ’ ยังมีไขมันอิ่มตัวแอบแฝงอยู่มาก มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดแคลนน้ำได้ และยังไปปิดกั้นการดูดซึมของไขมัน ทำให้การดูดซึมแร่ธาตุจากสารอาหาร ที่รับประทานเข้าไปได้น้อยลง ทำให้ปิดกั้นการดูดซึม ‘สารคาโรทินอยด์’ และสารเคมีอื่นๆที่ได้มาจากพืชที่ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคจุดด่างของผิวหนังทำงานได้ด้อยลง 

     รู้โทษของอาหารเหล่านี้แล้ว ควรจะหลีกเลี่ยงแล้วหันไปรับทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพดีกว่า!!!