วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ผมร่วงเป็นหย่อม Alopecia Areata

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556
   เข้าออกโรงบาลเป็นว่าเล่น...วันนี้มีโอกาสได้พบคุณหมอผิวหนัง หลังจากที่มีปัญหาเรื่องผมร่วงมาเรื่อยๆจากเดือน ธันวาคม 2555 ที่กระหม่อมสองข้าง 
แต่แล้วก็อดทน รนไม่ไหวจนต้องเข้าพบหมอผิวหนัง(หมอเฉพาะทาง)
    รอบนี้ได้พบคุณหมอ(ลูกหล่อ...นาวินต้า) พบนายแพทย์ วิโรจน์ เยาวพลกุล ที่โรงบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ตอนเย็น (17.00-19.30) 
ว่าแล้ว....มาดูความคืบหน้าของผมที่แหว่งหายไปเรื่อยๆ

::เริ่มต้น Dec 2555::





















ได้ยาสเตรยอมาหยอดๆให้หายแดง ก็พ่น Minoxidil 5%มาเรื่อยๆคะ ผมมานก็ขึ้นนะแต่เอ๊ะทำไมมันยังแหว่งกว้างไปเรื่อยเลยไม่ไหวเลยปรึกษาหมอ คุณหมอเลยให้มาหาหมอผิวหนัง
ยังไม่วาย...ไม่สบายใจก็เลยต้องมั่นดูแล แต่ทำไมมันยังไม่หาายดีนะ Ok มีผมอ่อนนะแต่มันก็ยังไม่มาก แถมวงกว้างขึนเรื่อยๆ
กรี๊ดไหมค่ะ....งานนี้ไปพบหมอให้สบายใจเลยทราบว่าเป็น

โรคผมร่วงเป็นวงกลม (Alopecia areata)

  ก่อนอื่นก็เกริ่นเรื่องประวัติเป็นอะไรตั้งแต่มะไรทานยาอะไร เล่าๆๆๆๆๆๆๆไปเรื่อยคะแล้วก็

หมอ : เบื้องต้นคุณหมอบอกว่า ไม่ต้องกังวลนะ ผมคุณกำลังขึ้นใหม่ สาเหตุเกิดจากความเครียด และไม่ได้เป็น LE
อ้อม : ไม่ใช่เพราะเป็น SLE หรอคะ แล้ว LE ใช่ Discoid เป่าคะ
หมอ : ไม่เกี่ยวกันใครก็เป็นได้ เหมือนคุณเป็น SLE ก็เป็นไข้หวัดได้ ส่วนLE คือ Discoid ซึ่งหากเป็นจะไม่มีโอกาสมีผมใหม่ได้เลยและมันจะมีแผลและแดงไม่สวยเลย 
อ้อม : แล้วแบบนี้จะหายไหมค่ะหมอ
หมอ : เดียวผมให้ยาพ่น Minoxidi และยาทา Dermovate เช้า และก่อนนอน 
อ้อม : โอเคคะ แล้วต้องเปลี่ยนยาสระผมไหมคะ ห้ามสระผมกลางคืนเป่า
หมอ : ใช้ยาสระตามชอบใจ สระได้หมดตามที่ทำเลย
อ้อม : แล้วหากทาไม่ work ทำไงคะ
หมอ : มีวิธีฉีดสเตรอยเข้าบริเวณที่ให้ผมขึ้น อันนี้ได้ผลชัวร์ แต่เดียวเราทายาก่อน 1 เดือนค่อยมาดูกันว่าแนวโน้มดีไหม แต่ผมคงยาวไม่ทันเท่าที่ยาวอยู่แค่ผมจะขึ้นดกหนา 
อ้อม : เข้าใจคะ ขอแค่ไม่ล้านเกรียนแบบนี้ 
หมอ : อย่าเครียด โรคนี้ใครก็เป็นได้ครับ

:: มาดูยาที่ได้::
DerMovate ใช้ทาหลังพ่นยา Minoxidil เป็น สเตรอยชนิดนึง เป็นเนื้อครีม
แล้วมาดูผลกันในเดือนหน้านะค่ะว่าผมจะขึ้นหนาไหมเอ่ย ^____^

อ่านเพิ่มเติมจากเวบดังนี้
http://xn--12cl0dhzo7bxdgf.blogspot.com/2012/09/alopecia-areata.html

ข้อมูลพอสังเขป::
        โรคอาการผมร่วงเป็นหย่อมๆ (Alopecia Areata) ลักษณะการร่วงของผมเป็นวงกลมเดียว หรือหลายวงกลม ทางการแพทย์ เรียกโรคชนิดนี้ว่า Alopecia Areata ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงและผู้ชายวัย 20-40 ปี สาเหตุของมันเกิดจากความแปรปรวนของภูมิคุ้มกันในร่างกายไปทำลายรากผม และหยุดการเจริญของผมโดยไม่มีการอักเสบ
      ในทางการแพทย์ได้ระบุสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคนี้ คือ ความเครียด พันธุกรรม การพักผ่อนไม่เพียงพอ โดยคนส่วนมากคิดว่าเป็นการติด หรือการอักเสบของหนังศรีษะ แต่ที่จริงแล้วโรคนี้ไม่ใช่เลย และมันสามารถลุกลามเป็นจากวงเล็กกลายเป็นวงใหญ่ขึ้นจนเป็นเต็มศีรษะได้ ล้านหมดหัวนั่นเอง และอาจจะมีผลกับมีขนคิ้ว ขนตา หนวดเคราได้ ผู้หญิงและผู้ชาย







      วิธีการรักษาผมร่วงเป็นหย่อม ๆ คือ การกระตุ้นให้ผมขึ้นมาใหม่ หรือรักษาเองตามธรรมชาติ แต่ควรรักษาด้วยยาจะดีที่สุดและต้องใช้อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าอาการผมร่วงจะดีขึ้น และถ้าหากหยุดยาก่อน ผมที่ขึ้นผมอาจร่วงหลุดไปได้เช่นกัน ส่วนยาที่ใช้ในการรักษา มีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่ 

1. ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
  มีฤทธิ์ลดการอักเสบและกดการสร้างภูมิคุ้มกัน มีการใช้ทั้งในรูปของยาทาเฉพาะที่, ยากิน และยาฉีดเฉพาะที่เข้าใต้ผิวหนังบริเวณที่มีผมร่วง สเตียรอยด์ที่นิยมใช้ได้แก่ Clobetasol หรือ Fluocinonide และที่อยู่ในรูปของยาทาหรือ ยาฉีดเฉพาะที่ ในรูปของยาฉีดมักใช้เมื่อผมร่วงเป็นหย่อมเล็กที่บริเวณหนังศีรษะหรือร่วงที่ บริเวณคิ้วหรือหนวด การฉีดจะต้องฉีดทุก ๆ 3 – 6 สัปดาห์ ถ้าเป็นในระยะแรกอาจรักษา โดยการใช้ยาสเตียรอยด์บริเวณที่หลุดร่วง อย่างไรก็ตามการทายาเพียงอย่างเดียวอาจได้ผลไม่ดีนัก เนื่องจากการดูดซึมของยาผ่านบริเวณหนังศีรษะจนถึงระดับของรากผมอาจน้อยกว่า ปริมาณของยาที่ต้องการในการรักษา การรักษาจะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน การใช้ยาสเตียรอยด์ในรูปของยากินได้ผลดีในการลดผมร่วง แต่อาจพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ เนื่องจากต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานจนกว่าโรคจะสงบเอง หากหยุดยาก่อนผมจะกลับมาร่วงใหม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมใช้ในกรณีที่มีผมร่วงเป็นวงกว้าง หรือมีขนร่วงร่วมด้วย หรือใช้ในช่วงระยะแรกในการรักษา ร่วมกับยาทา 

2. ยาทาไมนอกซิดิล 5% (Topical minoxidil 5% solution)
  ยาชนิดนี้สามารถกระตุ้นผมขึ้นใหม่ได้ ในช่วง 6-12 เดือนแรกของการรักษาอาการผมร่วงโดยใช้ยาน้ำ ไมน๊อกซิดิล สูตร 5% นั้น ให้ทาตัวยาวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน ภายหลังการสระผม และรอจนกว่าผมและหนังศีรษะแห้งดีแล้ว วิธีการทายาให้ทาตัวยาโดยตรงที่บริเวณ หนังศีรษะที่ต้องการจะปลูกผมให้ขึ้นมาใหม่ ได้ทั้ง หนวด เครา คิ้ว ยาชนิดนี้สามารถใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การขึ้นใหม่ของผมจะเริ่มสังเกตเห็นได้เมื่อใช้ยาต่อเนื่องไประยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถ้าผลออกมาผมยังขึ้นไม่เป็นที่หน้าพอใจก็ให้เพิ่ม % จากยาทาไมนอกซิดิล 5% เป็นยาทาไมนอกซิดิล 10 % ได้ 

3. แอนทราลิน (Anthralin) ลักษณะเป็นผงถ่านสังเคราะห์ มีฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของภูมิคุ้มกันที่บริเวณผิวหนัง วิธีใช้ทายาไว้บริเวณที่มีผมร่วง 20 – 60 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังส่วนศีรษะเกิดการระคายเคือง และผิวหนังบริเวณที่ทายามีสีคล้ำขึ้นได้ ในบางครั้งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาผมร่วงเป็นหย่อม ๆ 

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พบหมอ::เดือนกุมภาพันธ์2556 (ทานยาเท่าเดิม) แต่เครียดผมแหว่ง

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556
   แอบมาหาหมอก่อนไปเที่ยวเกาหลี ผ่านมา 1 เดือนทีทานยาแบบรวบ 2 เม็ดวันเว้นวัน (ก่อนหน้านี้ทาน วันละเม็ด มาเดือน - 2 เดือนได้) ได้ผลออกมาดี ไม่น่าตกใจอะไร แต่หมอคงให้ทานยาแบบนี้เรื่อยไปก่อน (เป็นเวลา 6เดือน) นานเน้อ แต่อ้อมโอเคละ ทานได้ 
   เพราะยังไงน้ำหนักคงเท่าเดิม 58 kg แต่หน้าและการบวมลดลง หมอบอกว่าโรคสงบแล้ว 
มาดูผลเลือด และ ปัสสาวะกันเลยดีกว่า
:: ผลตรวจเลือด ::

WBC : การนับจำนวนเม็ดเลือดขาว (ปกติ 5-10  10^3/ul)
  - DEC : 6.3
  - Jan : 2.9
  - Feb : 3.5
  - Mar : 3.3
          - April : 16.0
  - May :  11.6 
 -  May/2 :  9.2 
          - Jun : 9.2
  - July : 8.1
          - Aug : 6.7
          - Sep : 11.5
         - Oct :  6.1
        -  Nov : 6.4
        DEC : 4.9
          - Jan :  5.2 
        - FEB : 5.4

 HGB : คือการวัดปริมาณ Hemoglobin ในเม็ดเลือดแดง (ดูว่ามีภาวะโลหิตจางไหม) (ปกติ 12-16 g/dl)
           - DEC : 13.2
   - Jan : 12.2
   - Feb : 12.4
           - Mar : 11.8
           - April : 12
   - May : 13.2
   - May/2 : 14.1
           - Jun : 13.2
   - July : 12.8
           - Aug : 13.0
          - Sep :   13.3
          - Oct : 12.3
          - Nov : 12.9
 - DEC :  12.9
          - Jan : 12.9
         - FEB : 13.0

 HCT : คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเม็ดเลือดแดงในปริมาตรเลือดทั้งหมด 
 (ส่วนใหญ่จะประมาณ 3 เท่าของค่า HGB) (ปกติ 37-47 %)
          - DEC : 39
          - Jan : 37
          - Feb : 38
          - Mar : 35
          - April : 37
          - May : 39
  - May/2 : 41
           - Jun : 39
          - July : 38
          - Aug : 40
          - Sep : 40 
         - Oct : 37
         - Nov : 38
DEC : 38
          - Jan : 39
         - FEB : 40

Platelet Count (PLT) : คือการนับจำนวนของเกร็ดเลือด ต่อ mL ในเลือด  (เกร็ดเลือดมีความจำเป็นที่ทำให้เลือดแข็งตัว) (ปกติ 150-450  10^3/ul)
          - Jul : 184
           - DEC : 229
   - Jan : 204
           - Feb : 224
           - Mar : 215
           - April : 325
  -  May :  309
  -  May/2 :313
          - Jun : 241
 - July :  284
         - Aug : 255
         - Sep :  334
        -  Oct : 253
        -  Nov : 266
 - DEC : 237
          - Jan : 254           - FEB : 247

:: ผลตรวจปัสสาวะ :: >>> Negative
  • Protein(PRO)   Negative
  • Blood          Negative 
::ยาที่ต้องทาน::
  • เพรดนิโซโลน 2 เม็ด วันเว้นวัน
  • ไฮดรอกซี่คลอโรควิน 1 เม็ดก่อนนอน
     หมอบอกว่า..ทุกอย่างดูโอเคหมดแล้ว แต่เรื่องผมแหว่งนี้ดูพื้นที่มากขึ้น เกรงว่าจะไม่หงอกใหม่ แม้ตอนนี้มีไล่ผมอ่อนก็ตาม แนะนำให้พบหมอเฉพาะทางแล้วปรึกษาดีกว่า ส่วนเรื่องการฉีดสเตรอยก็เป็นอีกวิธีที่ใช้รักษาเฉพาะจุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรพบคุณหมอก่อน ตอนนี้อาศัยเอาผมที่ยาวๆมาปิดไปก่อนละกัน อย่าคิดมาก แค่นี้โชคดีมาก ตั้งแต่ลงไตเราทานยาแค่ เพรดนิโซโลนรักษาแล้วกลับมาปรกติ ทั้งเลือดและไต ดังนั้นจงดูแลตัวเองดีๆแบบนี้ต่อไป 
    ออกกำลังกายได้แต่อย่าหักโหม ตอนนี้เรียกว่าใช้ยาน้อยแล้ว หน้าก็เรียวขึ้นและผอมลงแล้ว ใจเย็น^___^
:: มาดูเรื่องผมกกันดีกว่า::
   เห็นแล้วใจหาย...มันก็เหมือนจะดีขึ้นนะ แต่แหวกผมไปมาก็เห็นว่า ผมฉันหายไปไหนนนนนนนนนนนน
น่าเครียดไหมคะ ทำไมมันต้องมีอะไรให้เราสะเทือนใจ
 อ้อมพยายามไม่สนใจและดูแลผมอย่างดี ใส่ยาพ่น Minoxidil แล้วแต่ทำไมมันกว้างขึ้นอีกนะ แม้ว่าผมอ่อนจะขึ้นมาก็เหอะ แต่มันจะล้านไหม ทำไม SLE ทำร้ายใจกันแบบนี้ T___T แค่อ้วนยา หน้าบาน ก็ทุกข์จะแย่ แล้วนี้มาทำผมแหว่งอีก ทำให้ปัดผมไปมาไม่ได้เลย ต้องแสกเดิมๆ ปิดหัวล้าน Oh My God ( เข้าโหมดบ่นๆและบ่น)

:: มาดูผมที่แหว่งเทียบกัน::
เห่อๆ เจ็บปวดไหมละ แต่จริงๆแล้วคิดบวก(สุดๆ) มันไม่ได้มากขึ้นหรอก อยู่ที่เราจะแหวกมานให้เห็นเยอะน้อยแค่ไหน 555 แต่อ้อมว่าเดียวหลังจากกลับจากเกาหลีจะไปพบหมอ (ไม่แน่อาจจะไปเย้นนี้เลย)ไปปรึกษาคุยกันก่อนว่าจะรักษายังไง จะได้สบายใจ 
   เอาคะ สู้กันต่อ Blog เดือนนี้บ่นอุบเรื่องผมแหว่งมาก แบบว่ามันเห็นแล้วสะเทือนใจ แต่ยังไงก็แอบดีใจว่าผมหนาขึ้นเยอนะ 
ลั้ลล้าซะรูป และหลายรูปค่ะ นู๋อ้อมสู้ๆ นู๋อ้อมสู้ตาย 5555