วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตรวจมวลกระดูก ครั้งที่ 3

      ถึงเวลาเช็คสภาพกระดูก ตั้งแต่เป็นเอสแอลอีมา(เริ่มตรวจเจอปี2554)
เคยตรวจความหนาแน่นของกระดูก มา 3 ครั้ง ดังนี้ (กดดูรายละเอียดได้)


    ล้าสุดก็ 19 พ.ค. 60 (2017) นั้นเอง ตามเดิมคะไปที่ รพ.รามา เข้าเครื่อง รอบนีจะเน้นดูทีข้อต่อสะโพก (เพราะคนทานสเตรอย-เพรดนิโซโลน) มีโอกาสข้อต่อสะโพกเสื่อมคะ
อย่าได้รอช้า เราไปตรวจกันจร้า...ตอนนี้หมอ SLE บอกว่า ควร ตรวจทุกปีแล้ว
...เดินหน้าหาหมอกันจร้า...
วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 25560 (ตรวจมวลกระดูกครั้งที่3)

     มาแผนกนี้ที่ไร จะเจอเพื่อนต่างวัย(มาก) ก็มีแต่คุณป้าทั้งนั้น แล้วเราก็ได้แต่นั้งยิ้มๆ ฟังป้าๆแลกเปลี่ยนเรื่องราวของคนสูงวัยกัน แล้วจะเป็นทุกครั้งที่ทุกคนถามว่า หนูยังเด็กทำไมต้องมาตรวจแต่วัน
...เรื่องราวของหนูอ้อมก็เริ่มขึ้น เล่าสาเหตุที่เราต้องเช็คความหนาแน่นกระดูกเพราะเรามีโรคประจำตัวอะไร เลยต้องมา เล่ากันสนุกสนาน เราเองก็ได้ทราบเรื่องความเสื่อมของร่างกายของคนสูงวัยไปด้วย(จะได้เอาไว้ดูแลแม่) คุยกันเหมือนเพื่อนวัยเดียวกัน ให้กำลังใจกันไป ป้า ป้า บอกว่าหนูดูสดใส สวยไม่เหมือนคนป่วยเลย อิอิ แอบดีใจ แต่ก็แก่แล้วคะป้า ตามๆกันไป
     ป้าบางคนยังกลัวการรักษา หรือกลัวความจริง เราก็ได้แต่บอกว่า รู้ก่อน รักษาก่อนคะ เดียวนี้การแพทย์เค้าพัฒนาแล้ว ทุกคนมีความเสื่อมนะค่ะ แค่จะช้าหรือเร็ว




ตอนสแกนก็นอนและมีการวางขา ให้ถูกต้อง และยกขาบนกล่อง(ไม่ได้ถ่ายรูป) ทำตามเจ้าหน้าทีบอก แวยเดียวเสร็จคะ
อันนี้ผลรอประมาณ5-7 วัน ค่าใช้จ่าย 2,600 บาท (สำหรับนอกเวลา)
แต่หากได้คิวเวลาปกติก็จะราคา 2,000บาทได้จร้า
💕➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖💕
ต่อไปรอผลกันคะ
กลับไปอ่านทบทวนได้(ของปีก่อน)
http://aomy12.blogspot.com/2016/07/sle-season2-no5-jun.html

🌟⭐️⭐️🌟
🌟⭐️ผลแลปมาแล้ว...เดียวมาอ่านผลให้ฟัง⭐️🌟

15-06-2017 แวะไปให้คุณหมอที่สถานพยาบาลอ่านผลให้ก่อน







🌟⭐️มาเริ่มขี้โม้กะหมอกระดูกกัน⭐️🌟
รูปประกอบตามด้านล่าง ใหญ่ๆเลยรอบนี้

Aom : สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูเอาผลสแกนมวลกระดูกมาให้อ่านคะ
Dr. : อ้าว อายุเท่าไรทำไมต้องไปตรวจแล้ว
Aom : คือ..หนูเป็น SLE คะทานยาเพรดนิโซนโลนตั้งแต่ปี 54 เคยกระเริบใช้ยาโดสสูง(12เม็ด)มาสองรอบแล้ว คือปี 55และ59คะ
หนูสแกนแบบนี้มา 3 รอบแล้วคะ หมอ sle ให้เชคทุกปี เลยเอามาให้หมอดูค่ะ
Dr. :ไหน สงสัยตรงไหน แต่หมอดูแล้วนะ มันปกตินะ
Aom :เราดู ค่า T-Scoreใช่ไหมคะ หากไม่ติดลบก็โอเคใช่ไหมค่ะ(ดูรูปSpine-กระดูกสันหลัง)
Dr. : ใช่อันนี้ดูค่าที่หนึ่ง แต่ค่าของเรา(0.8) ...จริงก็แข็งแรงกว่าคนทั่วๆไปนิดๆด้วย
โดยทั่วไปนะครับ เราจะดูว่า กระดูกเราเป็นอย่างไร กระดูกปกติหรือ 
1.กระดูกบาง
2.กระดูกพรุน
ถ้า-1 ถึง-2.5 ถือว่าเป็นกระดูกบาง>>osteopenia
ถ้ามากกว่า -2.5 เป็นกระดูกพรุน
หรือกรณีพิเศษ เคยมีกระดูกหักมาก่อน(ไม่ใช่หักเพราะอุบัติเหตุนะ)หากมีหักจะต้องดูเกณฑ์ใหม่
หากล้มเบาๆแล้วหักอะไรแบบนี้
Aom : หมอคะแต่อันนี้กระดูกข้อสะโพก(Hip-Neck)  มันติดลบ(-0.4) เห็นหมอSLEจะหวงเรื่องนี้ 
Dr. ยังโอเคอยู่นะ เราอายุ 35 ใช่ไหม อันนี้เค้าเทียบเกณฑ์กับอายุ 20กว่าๆ กระดูกสะโพก(ตรง neck) ก็โอเคนะไม่มีปัญหา
แล้วค่าแฟคสกอร์(Fracture Rishk)  --->เป็นการคำนวณความเสี่ยงหากเราหกล้ม(ส่วนมากเค้าไว้ดูคนแก่นะ)
1.Major Osteoporotic Fracture = 1.0% >> แค่ 1.0% เอง เรียกว่าน้อยมาก หากจะมีปัญหาต้อง ประมาณ 20%
2.Hip Fracture = 0.1% >> โอกาสที่กระดูกข้อสะโพกมีโอกาสหักแค่ 0.1%

โดยรวมสบายใจได้...
Aom : แบบนี้กินสเตรอยต่อได้ 
Dr.: แต่นิดนึงเราต้องคอยสังเกตุอาการที่สะโพก ปวดสะโพก เรามีโอกาสที่จะกระดูกสะโพกขาดเลือดได้
Aom : มันเกิดจาก สเตรอยอย่างเดียวเลยหรอค่ะหมอ
Dr. : อาจจะพวกดำน้ำ เพราะไนโตรเจนทำให้กระดูกพรุนได้
Aom : งั้นหนูก็ทานแคลเซียมตามเดิมได้ใช่ไหมคะ  หนูเคยเจอคุณหมอกระดูกบอกว่า เรื่องออกกำลังกาย ช่วยได้ให้ออกกำลังกายแนวดิ่ง จะช่วยสร้างมวลกระดูกได้ แต่มันต้องก่อน อายุ 30??
Dr. : ออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก ที่ต้านกับโลก ที่ไม่ใช่ว่ายน้ำ
Aom : ยังได้หรอค่ะหมอ งั้นหนูจะได้เดิน กับวิ่งต่อ
Dr. : ดีเลยครับทำต่อ



อันนี้เป็นผล T-Score จะเห็นว่าไม่ติดลบ

ค่าT-Score ค่อยเพิ่มขึ้น เข้าใกล้บวก
เป็นเพราะออกกำลังกาย เย้ เย้

แม้จะติดลบ(-0.8) ก็ยังโอเค เพราะกระดูกบางต้องช่วง -1ถึง-2.5

เห็นไหม แนวโน้มดีขึ้น ติดลบน้อยลง
ออกกำลังกายกันต่อ

.... ยิ้มแก้มปลิ กะผลกระดูก ทีคุณหมอกระดูกอ่านให้เบื้องต้น...
เดียวเดือนหน้า( 2 ก.ค. 2560) ได้ไปพบหมอ SLE เอาผลกระดูกไปอวด ไม่รู้หมอ SLE จะว่าอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ก็ตั้งใจไว้ว่าจะ ออกกำลังกาย เดิน วิ่ง เต้น (แนวดิ่ง) ไปเรื่อยๆ และทานอาหารที่ดี มีแคลเซียมสูง และ ทานยาบำรุง(แคลเวียม)ต่อไป ^___^



วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Oh my Osaka - Japan trip April 2017 :EP4: ไปตะลุยUniversal วันฝนพรำดีกว่า

Episode 4: ไปตะลุยUniversal วันฝนพรำดีกว่า
Day2 : 6 เม.ย 2560  : Universal Day (แอบเปลี่ยนแผน)

เช้าวันที่ 2 ตื่นมา เชคอากาศพบว่า มีฝน มีหมอก อืม...จะดีไหมนี้ไปไหนดี ไปตามแผนหรอ นอนคิดไปคิดมากยังมีแรง แม้จะมาถึงดึกมะคืน เอาเป็นว่า....ไปตะลุยHarryดีกว่า(กลัวไปวันหลังๆแล้วเริ่มไม่มีแรง)
เลยรีบลุกมา
         และไปทานอาหารเช้าของโรงแรมขอบอกว่า....แค่รองท้องนะค่ะ สำหรับอาหารเช้าที่นี้เพราะว่าเค้าจะเสริฟเหมือนกันแทบทุกวัน ได้แต่ไข่ต้ม มันบด(ก้อนๆขาวๆ) ขนมปัง กาแฟ น้ำส้ม น้ำเป่า แยม เนยอะไรแบบนี้ แต่ก็หร่อยดีนะกินให้มีแรงเดินต่อทำนองนี้

ไปลุย...ตามหาsubwayกันจร้า...ลงไปเลย เปิดไฮเปอร์เดียใหม่  แต่จริงในแผนก็ให้มา วันนี้ต้องใช้ JRเราเลยต้องหยอดเหรียญกันไป(เพราะไม่ไปไหนนอกจากไป USJ)

แผนการเดินทางไม่ยากเลยจริงๆคะ 
จุดเริ่มต้น : OSAKA-NAMBA ปลายทางคือ : OSAKA-NAMBA 
เพื่อเข้าลูปของ Universal Cityคะ ดังนั้นเมื่อเราถึง NISHIKUJO แล้ว ปลายทางก็คือ Universal City (สถานีปลายทาง)
 ::สรุป:: OSAKA-NAMBA  >> NISHIKUJO  >> Universal City
เริ่มต้น จาก Osaka-Namba เพื่อไป NISHIKUJO เพื่อต่อไป Universal city
เมื่อมาถึงNISHIKUJO เราก็ไปลงที่ Universal city
       เพื่อความเข้าใจ เอาลูปของการไป Universal มาให้ดูไม่ว่าคุณจะมาจากซีกไหน ก็ต้องมาบรรจบที่ลูปสีน้ำเงินนี้ แล้วไปยังปลายทาง USJคะ
แผนที่เส้นทางเชื่อต่อไปยัง Universal

พอหาเส้นทางไปได้ ก็เริ่มจร้า ไป ไปหาทางกัน 
Step 1 :OSAKA-NAMBA  >> NISHIKUJO
พอลงไปถึงเงยหน้ามอง
 อร๊ายๆ เส้นนี้ไป USJ เราก็ไม่รอช้า หยอดแล้วเดินตามไป
(คือระหว่างทางเจอคนไทย คนต่างชาติมากมาย)
ทุกคนมุ่งหน้าไปเที่ยว
USJกันใหญ่โต เดินทางไม่นานนะค่ะ ก็มาถึง สถานีปลายทาง 


ง่ายๆมากเห็นชัดๆไปตามรูปเลย(ในกรอบแดง)
นี้ไง สาย Nishikujo station


ราคา 200 Yen ตามป้ายเลย(อันนี้ step 1 )
 ไปต่อที่ Step2: NISHIKUJO  >> Universal City











มาถึงก็เริ่มมีบรรยากาศของสวนสนุก...ดูโน่น ดูนี้ตื่นตาไปหมดคะ เราเริ่มมองหาทางเข้า เตรียมตั๋วไง แต่เอ๊ะ ยังไม่ถึง มีแต่ร้านค้าและโรงแรมสวยๆในนั้น แต่เรายังไม่อิ่ม ขอแวะสตาร์คบัคซะหน่อย เลยได้จัดพุดดิ่งชาเชียวที่เค้าhitกันอยู่ อืมอร่อย ไม่หวาน นุ่นดี รีบกินรีบโกยเพราะเด่วคนเยอะ เปิด 9 โมงเราต้องไปรอระหว่างทางก็มองดูๆมีไรบ้าง ห้างร้านตกแต่งสวยงามเป็นธีมการ์ตูนต่างๆ เดินไปซักพัก โอ้แม่เจ้านั้นหรอคน แอบดูตรงที่ซื้อตั๋ว คนอย่างเยอะ ดีนะเราเตรียมมาแล้ว เอา QR Codeสแกนผ่านเข้าไปได้เลยแต่....เดียวกัน หันไปทางขวาเจอลูกโลก UNIVERSAL ขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึกคะ เพราะกลัวกลับออกมาแล้ว คนจะเยอะ หรือไม่ก็มืด(แล้วก็ออกมามืดตามคาด)
รีบตามเคย ถ่ายได้สวยบ้างไม่ได้มุมมากไม่เป็นไร ไปต่อเพื่อตามหา Harry เดินอย่างกะรู้ทาง มั่วคะ ตามป้ายไปเรื่อย เดินไปเดินมาลึกแล้วน๊าเห็นปราสาทแวบๆมันหายไปไหน...ทนมะได้ ต้องExcuse me Do you have a map? English version. รอดแล้วจร้ามี แผนที่ใน USJ แล้ว แล้วเดินต่อเราเดินกันต่อไป ในป่าต้นไม้.. แบบในเรื่องharryเลยจร้า มองไว ไว ไปข้างในก่อนน๊า คนเยอะมากนี้ยังเช้า แต่ทำไงได้ มาแล้วต้องอดทน ไม่มี expressก็รอไป สรุปแล้วต่อแถวเกือบ 2ชั่วโมงกว่า (ปวดฉี่นี้แย่เลย)..เข้าไปเล่นเสียวแวบเดียว(แต่สนุกมาก) ออกมาเดินต่อ ดูของเล่นของฝากที่แอบทำให้เกิดกิเลสมากมาย แต่ก็นั้นละยัง ยังมีสติไม่ซื้อแต่ก็มาเสียตังตอนเดินรอบนอกจร้า อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปตรงมุมประสาท สะท้อนที่น้ำนะค่ะสวยดี
เดินเล่น เข้าดูตามกิจกรรมต่างๆที่เค้ามีโชว์ ใจเย็นๆนะค่ะ กิจกรรมมากมายจริงๆ แล้วเราก็ไปตามหา butter beerกัน แถมเอาแบบแก้วพลาสติกกลับมาเติมน้ำเป่ากินแล้ว ได้ฟิวมากต่อที่บ้าน(ซื้อความสุข) ถามว่าbutter beerเป็นไง ไม่มีแอลกอฮอล์แน่นอน (เค้าก็เขียนแจ้งไว้) หวานๆ มีฟองเนย(เนยจริง) ตีฟองเนย ติดขอบปากเลยค่ะ กินเสร็จเดินต่อออกไปโซนอื่นๆ เราจะเล่นไรดีละไปไหนดี กินดีกว่า...แอบแวะ family martก่อนเข้ามาสอยข้าวปั้นและหนมมาบ้าง อ่อ เรามีน้ำเป่าพกไปเสมอ พอท้องอิ่มเราก็ลุยต่อ ไปดูจอกันต่อ เห็นห้อยตากแห้งไว้นานละ ปะ ปะ กัน ระหว่างที่ต่อแถวอยู่ก็เจอหนุ่มน้อยที่แต่งตัวมาเต็ม ชุดโคนัน เลยขอถ่ายรูปด้วยคน
นั่งเรือชม สตอรี่จอ ก็สนุกอินๆไปกับคนนำทาง กี๊ดกร๊าด เนียนอินไป ดูเอฟเฟคของญี่ปุ่น อลังการมากมาย หากเป็นของเราคงต้องระวังหน่อ่ย (ไม่เอาไม่พูด) ก็ล่องเรือดูโน่นนี้ไป คนนำก็พูดญี่ปุ่น ฟังไม่ออกแต่แอคติงสุดยอดดด แล้วเราก็ขึ้นมาบนบก เดินต่อ เดินชิว ดูซุ่มต่างๆที่เล่นเกมส์แล้วได้ตุ๊กตากัน คุณแฟนชอบเล่นแบบนี้ แต่เสียดายไม่มีปาโปงแบบเรา...แล้วก็ตามหา น่องไก่หงวงคะ เดินต่อไปโซนจูราซิคปาร์ค ระหว่างที่เดินจะเห็น เครื่องเล่นบินผ่าน ร่อนแบบหวาดเสียวมาก อะอะ หนูอยากเล่นแต่มันสุดยอดมากแค่ดูยังหวาดเสียวห้อยโหน ห้อยหัว ซะหนักหน่วง แต่เอานะ อย่าเลยรอนาน (แฟนไม่เล่นอะไรที่หวาดเสียว) งั้นตามหาน่องไก่ต่อ นั้นไง ห่อเขียว ที่เราอยากกิน พุงตัวไปหา อย่างไม่รอช้า กินกันลืมสวยเพราะมันหอมอร่อยและแทะกันอย่างไม่เหลือซาก(คนแถวนั้นนั้งกินอย่างตั้งใจ) แล้วก็เดินไปต่อที่โซนวอเตอร์เวอร์ดคะ)แต่รอบต้องรออีก 1 ชั่วโมง ไม่ดีกว่าไปเดินเล่นกันต่อดีกว่า เราก็เดินไปเรื่อยๆไปโซนเด็กน้อง wonder world มีแต่ของเด็ก รวมถึง kitty เราก็ต้องไม่พลาดเดินไปดูเรื่องราวของkitty ออกมาเลยได้อัลบัมสวยถ่ายกะkitty เป็นของที่ระทึก น่ารักดีค่ะ รอบนี้เลยมีรูปคู่กับkitty และรูปหมู่ไปเลย เดินเล่นไปรอบๆฝนเริ่มแอบตกปรอยๆ แอบหลบฝนไปดูอะไรก็ไม่รู้ 555แต่เป็นการหลบฝน ดูการแสดงถ่ายทำหนังหรือละครนี้ละ ที่ว่าด้วยเรื่องไฟ แอคชั่นไรงี้คะ ก็เพลินๆได้พักด้วย แล้วพอดูเสร็จก็มาเดินเล่นตามซุ่ม.....แล้วเราก็ได้เจ้า มินเนียมมา 1 ตัวดีใจสุด คุณแฟนเก่งมาก ยิงได้แม่นมาก แต่เกมส์นี้ละโอกาสได้สุดแล้วนอกนั้นต้องพึงดวงมาก (ซึ่งไม่ค่อยมีคะ) เริ่มมืดแล้ว เริ่มเดินงง เหลืออะไรอีกนะ ทียังไม่ได้ไป แต่ก็เดินไปหลายรอบแล้ว มีแต่เครื่องเล่นหวาดเสียว รอนานแม้จะฝนตก (คือคนยังเยอะเสมอ) ก่อนจะกลับเดินไปแทบ spiderman เลยแวบเข้าไปซะหน่อย ไปสร้างใย(แมงมุม) อะโห้ดีนะ ไม่เดินผ่าน มันสนุกแล้วก็หวาดเสียวดี (อารมณ์แบบ3ดี มีน้ำ มีลม มีไฟร้อนเพลาๆ) มีหวาดเสียว พอๆกะHarry สนุกค่ะ กี๊ดกร๊าดไปกะเด็กนักเรียน(พอดีเค้ามาเป็นแก๊งค์)เลยเนียนไปกะเค้า กอดเจ้ามินเนียมไปด้วยระหว่างเล่น

พอเล่นเสร็จ ก็แบบเดิม มีถ่ายรูปตอนที่เราเล่นด้วยแอบเห็นรูปตัวเองกะเจ้ามินเนียมแวบๆ แต่ไม่ได้เอาเพราะมันเป็นอะไรที่หลุดมาก 555 สภาพดูไม่ได้ หุหุ เลยออกไปเดินเล่นต่อ ฟ้ามืดแล้วอะ บรรยากาศมืดมีแสงไฟเลยเดินมาโซนด้านหน้า(เตรียมไปtax free) อืม ก็ยังมีคนเยอะ และมีไฟสวยๆ มีลูกโปร่งน่ารักมากมาย รวมไปถึง แกงค์มินเนียมเลยแอบเดินไปถ่ายรูปด้วย 555+ แอบเข้าไปดู shopของทีระทึก แต่ก็ได้แค่ดูเริ่มหมดแรงแล้ว เราไปหาtax freeกัน อยู่โซนด้านหน้าเลยที่เราเข้ามา ได้ตังค์มากินหนมต่อ ฝนก็ตกหนักแล้วเดินหนาวกันต่อไป ขึ้นรถไฟกลับโรงแรมกันดีก่า ดีนะวันนี้ไม่ได้เดินทางยากอะไรเพราะเดินทางขบวนเดียวถึง แล้วก็เดินกันต่อไปยังโรงแรม ยังหลงทางนิดหน่อยแต่เริ่มจับจุดที่พักได้ มาดึกแค่ไหนก็ยังมีคนเดินกันเต็มไปหมด งานนี้ถึงห้องแทบเรียกว่าสลบจร้า นอนกันแบบไม่อาบน้ำเลยก็ว่าได้(อันนี้เปรียบเปรยจร้า) เพราะเคล็บลับเวลากลับมาต้องเปิดน้ำอุ่นแช่เท้าและตัวให้หายเมื่อย จะได้มีแรงเดินต่อในวันถัดไป

๏ พบหมอ :: Follow SLE-พฤษภาคม 60 ๏

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม 2560
จริงก่อนไปญี่ปุ่น เดือน มีนาคม 2560 ก็มี check up ก่อนไป (เพราะไอจนต้องเอ็กซ์เรย์ปอด)
เลยเนียนเช็คเลือดไปด้วย(แต่ไมไ่ด้เขียน blog)
:: ก่อนไป Japan::
26-03-60

:: หลังกลับมาจากJapan::
03-05-60
       เดินหน้ากันต่อ พบหมอ SLE จริงๆต้องไป30เม.ย60 แต่แบบว่าเลื่อนมานิดหน่อย เพราะมี Period พอดีตามเดิม เราก็เจาะเลือดที่ทำงาน รอบนี้ เชค ดังต่อไปนี้

  1. ค่าเลือด CBC
  2. ค่าไต ดูจากผลปัสสาวะ UA
  3. และ การตรวจการทำงานของตับ Aspartate aminotransferase (AST) 


อย่าที่เห็นนะค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรมากมายตามหมอบอก 
หมอบอกว่าแม้จะ เลือดผลตก เล็กน้อย
มี Trace ปนมากับปัสสาวะ
ค่า AST หรือ Aspartate aminotransferase แม้จะสูง


หมอก็ยืนยันว่า "OK" 
ยังไม่น่ากังวลอะไร
ทานยาต่อไป 1 เม็ดนะ เพรดนิโซโลน
เลียงแดด เลี่ยงความร้อน ความเครียด และนอนให้ได้มาก
ออกกำลังกายเบาไม่เครียด เอาแบบrelax ไม่ต้องเวทหรอก คาดิโอไป
ไม่ต้องแข่งกะคราย สบายๆ
หมอนัดอีกที่ 2 ก.ค. 60

คร่าวหน้า ก็เพื่อความสบายใจก็ตรวจ LFT 
กับตรวจมวลกระดูก (ควรตรวจทุกปี)
**ปีที่แล้วตรวจเดือนมิถุนายน พอดี** เดียวค่อยไปตรวจเดือนหน้าละกัน


 ::ผลเลือด:::
 🌟WBC : การนับจำนวนเม็ดเลือดขาว (ปกติ 5-10  10^3/ul)
          - 24 ก.ค. 59 : 4.2[Low]
          - 21 ส.ค. 59 : 5.1
         - 16 ต.ค. 59 : 4.3 
[Low]
         -2 พ.ย. 59 :  4.4
         -8 ธ.ค. 59  : 3.4[Low]
         -4 ม.ค. 60 : 4.0
         -2 ก.พ. 60 : 3 [Low]
         - 26 มี.ค. 60 : 2.8 [Very Low]
         - 5 พ.ค. 60 :  3.30 [Low]
 🌟HGB : คือการวัดปริมาณ Hemoglobin ในเม็ดเลือดแดง (ดูว่ามีภาวะโลหิตจางไหม) (ปกติ 12-16 g/dl)
          -24 ก.ค. 59 : 11.8 [Low]
          -21 ส.ค. 59 : 12.5       
          - 16 ต.ค. 59 : 11.7 [Low]
           -2 พ.ย. 59 : 12.20
          -8 ธ.ค. 59  : 12.0
          -4 ม.ค. 60 : 12.0
          -2 ก.พ. 60 : 12.50
          - 26 มี.ค. 60 :  11.2 [Low]
         - 5 พ.ค. 60 :    11.1 [Low]
 🌟HCT : คือ การวัดเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรเม็ดเลือดแดงในปริมาตรเลือดทั้งหมด
 (ส่วนใหญ่จะประมาณ 3 เท่าของค่า HGB) (ปกติ 37-47 %)
         -24 ก.ค. 59 : 36 [Low]
       -21 ส.ค. 59 : 37
       
 - 16 ต.ค. 59 : 35 [Low]
        -2 พ.ย. 59 : 36.80
       -8 ธ.ค. 59  :37.3
       -4 ม.ค. 60 : 36.3
        -2 ก.พ. 60 : 37.90
      - 26 มี.ค. 60 : 34 [Low]
      - 5 พ.ค. 60 : 33.4 [Low]
🌟Platelet Count (PLT) : คือการนับจำนวนของเกร็ดเลือด ต่อ mL ในเลือด  (เกร็ดเลือดมีความจำเป็นที่ทำให้เลือดแข็งตัว) (ปกติ 150-450  10^3/ul)
       - 24 ก.ค. 59 : 195
        -21 ส.ค. 59 : 198   
        - 16 ต.ค. 59 :190

       -2 พ.ย. 59 : 195
      -8 ธ.ค. 59  :206
      -4 ม.ค. 60 : 191
      -2 ก.พ. 60 : 194
      - 26 มี.ค. 60 : 143 [Low]
      - 5 พ.ค. 60 :  163
🌟🌟การตรวจการทำงานของตับ Aspartate aminotransferase (AST) 🌟🌟 (ปกติ5-34 U/L )
    - 5 พ.ค. 60 :  71 [High]
และรอบนี้ มีค่า RBT

:::ผลปัสสาวะ:::  
 - 26 มี.ค. 60 :
     🌟 Protein(PRO)  : Negative
     🌟 Blood              : Negative

 - 5 พ.ค. 60 :
     🌟 Protein(PRO)  : Trace >>> มาได้ไงนี้
     🌟 Blood              : Negative

จบเรื่องที่โรงบาล เราก็ไปต่อ ตรวจตาคะอันนี้ไปร้านตัดแว่นคะ

รู้สีกปวดเบ้าตาขวา
พบกว่าสายตาเปลี่ยนจร้า
ข้างซ้าย : สายตาสั้นหายไป แต่ยังมีเอียง  0.5
ข้างขวา : สายตาสั้น เป็น 0.50 และเอียง 0.5
ตัดเลนส์ใหม่ซิจ๊ะ รออะไร เพื่อความสบาย และมั่นหยอดน้ำตาเทียมตลอด...สบายตากันไปแต่ช่วงนีตาแห้งมาก บางทีตื่นมาตาแห้งเลยก็มี ^^

วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Oh my Osaka - Japan trip April 2017 :EP3: เดินทางกันเถอะ...ครั้งแรกกับหลายๆสิ่ง


Episode 3: เดินทางกันเถอะ
ครั้งแรกกับ.....อะไรมากมายสำหรับทริปนี้ตั้งแต่
  -บินกับแอร์เอเชียเอ็กซ์แบบbusiness >< เรียกว่านอนไปเลยจร้า Flat bed มันเยี่ยมจริงๆ
  -แวะพักกับ King Power สาขาดอนเมือง
  -ครั้งแรกกับโรงแรม Business Hotel Nissei

Day1 : 5 เม.ย 2560  :
DMK To Kansai Airport -Business Hotel Nissei

เริ่มเลยละกัน...ครั้งแรกกับ @ แอร์เอเชียเอ็กซ์ แบบชั้นธุรกิจ

     รอบนี้อลังการงานสร้าง ขาไป ไปอย่างไฮโซ Business เลย มันเลิศ นอนไปเลยงานนี้ ราคาต่างกันไม่กี่บาท ก็เอาซิคะ แถมได้นน.เยอะมากขาไปคนละ 40 kg อืม..จะแบกไรไปทิ้งที่โน่นหรอ มีอาหารบนเครื่องพร้อมโซนเงียบด้วย เป็นความต่างที่คุ้มค่ามากคะ แถมแอร์คนญี่ปุ่นดูแลส่วนตัว เวลาคุยกะเราเค้าย่อตัวลงมาคุย จนเราตกใจ(แต่อันนี้แล้วแต่บุคคลละมั้ง) เอาเป็นว่าติดใจขาBusiness มากๆตั้งแต่
1.ตอนโหลดกระเป๋าก็มีแถวเฉพาะ และเข้าได้ก่อนใคร
2.ตอนนี้เรียกก็ได้ไปก่อนเดินสวยๆเข้าไปค๊า
3.กว้างขวาง นอนได้ มีหมอน มีผ้าห่ม มีอาหาร มีน้ำ มีช่องเสียบไฟให้ชาร์ตอะไรต่อมิอะไรได้
4.นอนสบายมากๆๆๆๆๆๆยาวอย่างกะเอาเตียงไป
5.มีบริการที่มีแอร์ดูแลพิเศษ มีเอาผ้าเช็ดมือมาให้เมื่อมาถึง สอบถามแบบนอบน้อมากๆ(ดีจริงๆ)
6.ราคานี้รวมอาหาร และน้ำหนักกระเป๋า 40 kg มันลิศมาก
7.ในโซนFlat bedนี้จะมีไม่กี่ที่ จับเป็นคู่ๆ 3 ตอนได้ หากจำไม่ผิดนะค่ะ แต่ขอบตรงที่ เงียบมากเหมือนเครื่องบินส่วนตัวเลย
กระเป๋าพร้อม
ทิชชูเปียกเช็ดมือ

กระเป๋าพร้อม กายพร้อมงั้นลุย
ขึ้นเครื่องมา แอร์ก็ยืนขนมมาให้กิน เย้ย...ไม่ใช่ มันเป็นทิชชูเปียกให้เราทำความสะอาดมือ...อะไรจะขนาดนั้น
งานนี้ไม่ต้องกลัวหมดไฟมีให้เสียบชาร์ตตลอดเวย์
มาดูทีนั้งและบรรยากาศกันคะ
มีโคมไฟดวงน้อยส่วนตัว

ลองเอียงตัวลงนอน(ยังไม่สุด)
ที่นั้ง ดังที่นอน(ก็มันนอนได้จริงนิคะ)

นั้งสวยๆ กว้างขวางมากมาย

นอนยาวๆพร้อมผ้าห่มและหมอนแบบส่วนตัว


ข้าวหน้าเนื้อ
อันนี้เป่าที่เค้าเตรียมให้
อันนี้สั่งเพิ่มเอง
เมนูเส้นๆ
อุ่นมาพร้อมทานเลย









        ยังไง ลองหาโอกาสไปสัมผัสความสบายแบบไฮโซ(ม้าง) กับTAAX กันคะ Flat bedเค้าสบายจริงดีจริงเหมาะมาก



 มาต่อกับครั้งแรก...ครั้งแรกกับ @ King Power สาขาดอนเมือง
     พอดีมีบัตร SCB King Power เลยขอแวะไปใช้สิทธิ์เสียหน่อย ว่าเล้าจ์ของ King Power สาขาดอนเมือง(พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน) มีอะไร น่าสนใจบ้างน๊า....
    ก่อนไปใช้สิทธิ์เชคทางking power ผ่านทาง FBคะว่า สามารถใช้งานได้จริงไหม(เดียวเสียเทียว)...ได้ผลดังนีค่ะ

- เป็นบัตรสมาชิกร่วม KINGPOWER – SCB (ส่วนลด 15%) 
-ท่านสามารถใช้บริการห้องรับรองพิเศษ (King Power Lounge) พร้อมผู้ติดตามอีก 1 ท่าน
ที่คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยแสดงบัตรสมาชิก (พร้อมหนังสือเดินทางและ Boarding Pass สำหรับการใช้บริการที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานดอนเมือง) ค่ะ
 

       โดยคิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานดอนเมือง ตั้งอยู่ที่บริเวณร้านค้า ก่อนถึงจุดรับสินค้า หลังผ่าน Immigration ภายในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ
(เปิดให้บริการ 20 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป) ค่ะ













มีที่ชาร์ตแบตให้เสียบด้วย

       โดยรวม...เป็นส่วนตัวดีคะ คนไม่พลุกพล่าน แถมพาผู้ติดตามไปได้ด้วย1คน แบบนี้ดีตอบโจทย์
ส่วนขนมและอาหารยังไม่หลากหลายคะ ใครคิดจะไปฝากท้อง(หนักๆ)คงยากคะเพราะเรากินยังไม่อิ่มเลยแถม ไม่อร่อยเท่าไร 55 เรียกว่าแวะไปให้รู้จร้า
    ออกเดินทางกันดีกว่าคะ...แอร์เอเชียล้อหมุน กระพือปีกตรงเวลาม๊ากๆ Let's go to OSAKAกันจร้า

      โอ้แม่เจ้ามืดติ๊ดตือ นั้งดูมาตลอดทาง มีแวบนึงที่ เครื่องบินกำลังทรงตัวท่ามกลางน้ำ (สนามบินอยู่ในทะเล) อยากบอกว่า นักบินเก่งจัง เราก็ลุ้นกันไปจนล้อแตะรันเวย์ ก็โล่งใจ
        ถะ ถะ ถะ ถึงแล้ว.....นักบินแจ้งเวลาเมื่อถึงสนามบินคันไซ 22.05 ฮะ ฟังไม่ผิดใช่ไหม เตรียมตัวจร้า
 อย่างที่บอกค่ะ....ตามแผนนั้นเราจะถึงราวๆ 22.40 ในใจก็คิดแผนกันไว้แล้ว หากไม่ทันรถไฟรอบสุดท้ายเข้าเมือง(23.40)นั้นเราจะไปรถไนซ์บัส กันจร้า แต่เดชะบุญคะ TAAX บินถึงก่อนเวลา ราวๆ22.05 (ที่นักบินแจ้ง) เราก็รีบโกยจร้า เป็น business ได้ลงก่อนเดินก่อนเอากระเป๋าก่อนจร้า(มันดีอย่างนี้เอง แพงกว่ามันเลอค่า)
รอรถไฟพาไปTerminal 1 เวลาอย่างไว
      การเดินทางต้องนั้งรถไฟ เชื่อมเข้าไปนะค่ะ พอเดินออกจากเครื่องบิน เราก็เดิน(ตามเค้าไป) แล้วก็รีบไปขึ้นรถไฟที่พาไปสู่ตัวอาคารคะ เรามาถึงไว ก็เข้าไป แล้วแวบเดียวก็มาถึงจุดรับกระเป๋า ตอนนั้นก็รีบหยิบคะแล้วเตรียมเอกสารเดินไปตม. คนเริ่มมาเยอะแต่อย่างที่บอกคะเรามาไว ไปไว ไหวตัวเร็ว ผ่านตม. สบายๆ แอบมีเจ้าหน้าที่ทักเรื่องการกรอกเอกสารนิดนึงแต่เราพกปากกาติดตัวเลยไม่ต้องออกจากแถวไปกรอกเอกสารใหม่(เจอว่าเรื่องจำนวนวันที่จะอยู่ ลืมใส่คำว่า Daysนะค่ะคือ ใส่8ไปไม่ใส่หน่วย เลยเจอทัก ก็เลย ใส่Daysไป)....จบคะสบาย เดินสวย ยิ้มไป แล้วก็สำเพ่าคะ นู๋อ้อมลืมเซ็นต์ชื่อในเอกสาร(จะรีบไปไหน) แต่ก็ไม่มีอะไร ก็เซ็นต์ไป จบคะ ผ่านออกมาได้ ใช้เวลาไม่นานเลยจริง ...เวลาเหลือๆ เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนจะไปต่อ
      เมื่อเวลาเหลือเราก็ต้องไปรถไฟซิคะ...จะรอช้าทำไมขึ้นไปชั้น2 คะเดินข้ามไป terminal 2 มองหาNANKAI Officeคะสีส้มๆ มอง งง ตายละตู ลงไหน อ่านม่ายออก ไม่หยอดมันละ งั้นก็งัดเอกสารออกมา พร้อมเดินไปหาเจ้าหน้าที่
ได้ตั่วมาแล้วก็เดินทางกันต่อ
§  อะโนวววว(I don’t knowในใจ) คือ ไอ วอท ทู โก.....(ชี้ให้ดูเอกสารที่จะไป)
§  อะเคร...เจ้านี้หยิบราคาให้ดู จะเอาแบบจองไม่จอง หรือจะไปสายด่วน(Repiไรนี้จะ อัศวินทร์สีน้ำเงิน)
§  อ่อ...No Reserved จิ้มราคา ถูกสุด Namba(Nankai) 920¥
แล้วเค้าก็ให้ตั๋วมาตามราคาที่เราเลือกและบอก No.5ไรนี้ ได้ยินไวๆ ดีนะที่ได้ยิน  ไม่งั้นงงคะ ทำไมงงหรอ ก็ในตั๋วไม่มีบอกเลยว่าไปชานชลาไหน ตรงไหน
เอาละรีบไปกันดีกว่า เป็นการขึ้นรถไฟแบบรวดเร็วและ โดดเลย หันหลัง มองสีส้มๆ นั้นไงด้านหลังที่ซื้อตั๋วนี้เอง สอดบัตรแล้ว Go….เลยจร้า  ไปไหนต่อละ มีลงต่อไปอีก ไปไงงะ No.5หรอ  ลงไปอีกชั้นนี้ อะเคร ไป ไหนไปกัน (มั่วมาก)แล้วก็เห็น รถไฟจอดอยู่ 1 คัน เห็นตัววิ่งว่า Namba เอาวะ ไปเหอะ หนาว...ไงก็ปลายทางใช่ โดดไปนั้ง พร้อมตีกะการ set up wifi ต้องรีบ connectนะค่ะ แบบว่ามันเหมือนคนหูหนวก ตาบอด อะ ว่าไปนั้นแล้วก็set upได้ อะเคร โล่ง งั้นเราก็นั้งพักฟังไปว่าถึงไหนแล้ว...มองไปรอบๆคนเยอะนะนี้ นี้มันจะห้าทุ่มแล้วนะ คนเพียบเลย 

ห้างที่หลงอยู่เมื่อคืน
ถึงแล้วจร้าซักที่ ในนัมบะ เป็นห้าง เป็นทางที่งงมากจร้า จูนตัวเองมากมาย นี้ละน๊าที่เค้าว่าสถานี้มันเชื่อมกะห้าง เอาละหว้าไปไงดี มองmap มองทางที่แอบทำการบ้านมา เอารายละเอียดที่โรงแรมแจ้งมาว่าไปทางไหนออกตรงไหน อืมเอาละไปไม่ถูกกล้าๆกลัวๆ...งงงงคะ ออกจากตึกไงนี้
และแล้ว มองไป มองมา จนเจอหนุ่มน้อยที่เดินชิลๆมองๆเรา และเลยไปแล้ว แต่เราก็มองตาม(แบบไม่ได้คิดอะไร) เค้ากลับหันหน้ามายกมือsay hi แล้วเดินมาช่วย เรายืนแผนที่โรงแรมที่เป็นversion japan แล้วก็ เฮ้ยๆ เค้าหยิบมือถือ เปิดgoogle map พิมพ์ตัวอักษาญี่ปุ่นหา หา หา แล้วก็ชี้ไปที่แผนที่ว่า You here (มาด่าเค้าทำไม....ล้อเล่นไม่ใช่เ..ยแบบนั้น)
อะเค...สำเนียงพอฟังได้ แล้วเค้าก็บอกรอตรงนี้เดียวมา เค้าเดินเข้าไปร้านสะดวกซื้อตรงนั้น คงไปถามไรต่อ แล้วก็ เดินมากวักมือเรียกเราไป ...สรุปแล้ว เทอผู้น่ารักคนนี้บอกว่าเค้าอยู่ที่นี้แต่ไม่เคยรู้จักโรงแรมนี้เลย อ้อมบอกว่าอิอิ แบบว่าโรงแรมไม่แพงใกล้สถานีนะค่ะเลยไม่ค่อยรู้จัก น้องเค้าเคยมาไทยด้วย เค้าพูดEngดีระดับใหญ่(แหม ตัวเองก็ภาษาดีแย่) น้องเรียนที่ ม.เกียวโต เค้าชวนคุยและเดินไปส่ง เราก็ตามๆเค้าไป เค้าถามว่าไปเที่ยวไหนบ้างเราก็เล่าคร่าวๆ จริง ตูก็ยังๆงงๆจำไม่ได้หรอกแต่ตอนนี้เหนื่อย จำทางก่อน เด่วเดินกลับโรงแรมเองไม่ถูก นางก็พากันไป เรื่อย พูดเก่ง ดูเป็นมิตรมาก เราบอกไป USJ และก็ไป เมืองโน่น เมืองนี้ บลาๆไป เม้าส์มอยส์ไปเลย จนถึงหน้าโรงแรม Oh แม่เจ้าใช่เลย แต่ระหว่างทางที่เดินมีความสนุกสนาน นี้จะเที่ยงคืนแล้ว ร้านค้า ห้างร้านคนยังนั้งแน่น และกินหนัก ดื่มหนัก(มีคนเมานอนอยู่กะพื้นเลย) อืม..นี้คือทำงานเครียดจัดหรอ 55 เมาซะงง (แอบขำเราก็งงเค้าคารวะใคร เห็นก้ม(คล้ายกราบ)ซะนานเลย
ทางลงsubwayทุกวันก่อนเดินทาง...หน้าสตาร์บัคเลย

มองไปตรงข้าม จะเห็นทางเข้าไปยังโรงแรม
นอกเรื่องนานไป เรามาเข้าเรื่องสุดท้ายกับครั้งแรกกันคะ















ครั้งแรกกับ @โรงแรม Business Hotel Nissei
รูปหน้าโรงแรมยามดึก
บริเวณต้อนรับ ติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย 24ชั่วโมง
         เอาเป็นว่าถึงที่พักแล้วแจ้งชื่อ เค้าก็เอารายละเอียดมาว่าพักกี่วัน ให้กุญแจมา แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปจร้าชั้น6 มีคนบริการ 24h.จริงมาcheck in lated ก็ได้ อะเครนะ จ่ายตังเลยจร้า รูดได้ จ่ายสดได้ พอจ่ายเสร็จก็ได้รายละเอียดการลงมาทานอาหาร(รองท้อง) ยามเช้า และชิทางให้ดูคะ ว่าทางนี้ตรงนี้นะ และมีwifiให้ใช้ เราก็ อะเคร แทงยูมากๆจร้า
แผนที่โรงแรม

วิวจากระเบียงตรงลิฟท์ ชั้น6
กุญแจ..เวลาออกไปข้างนอกต้องฝากที่เค้าท์เตอร์เสมอ
กุญแจแปลกดี
ปะขึ้นห้องดีกว่า....เดินไปถึงห้อง เปิดประตูไป อะเทอ เล็กได้ใจ แต่ไม่เป็นไรเราไม่เน้น เปิดดูห้องน้ำ อะเล็กสมส่วนมีอ่าง มีของใช้ มีอุปกรณ์ใช้สอยทั่วไปครบ มีผ้าเช็ดตัว มีชุดยูกะตะ มีรองเท้าเดินในห้อง มีกาน้ำร้อน มีตู้เย็นเล็ก มีผ้าเช็ดตัว เช็ดผม(เปลี่ยนให้ทุกวัน) และมีจอแบน แบบจอLCDคอม นึกว่าทีวี เป่าจร้าเป็นแบบว่าให้ใส่การ์ดพิเศษ...ไปเช่าเอาไรงี้ แต่เราไม่ได้บริการน๊า หากสนใจลองดูค๊า อิอิ หนังพิเศษ
หน้าต่างบานนี้ละจร้า

ทางหมูเดิน
จริงก็ไม่คับแคบมากวางเป๋าได้นะ
รายละเอียด ไวไฟและเวลา bF

Semi-Bed นอนกอดกันสบาย

      หันไปหันมา เอ๊ะ เปิดแอร์ตรงไหน ทำไมเราเปิดแล้วมันร้อน 555 ก็มันเป็น Heaterนี้เธอ อ่อ แล้วปรับไงงะอ่านมะออก อะเคร โทรไปหาชั้น1 มั่วคะ ดูๆที่โทรศัพท์ พร้อมskillมั่ว ไม่0 กะ 9 เด่วจะถูกซักเบอร์นั้นละ แล้วก็มีเจ้าหน้าทีรับ เค้าก็ตอบเราไม่ได้ แล้วก็วางสายไป อ้าว งง คะ งง ไม่ทันถึง 10 นาทีมีคนมาเคาะห้อง อะเมซซิ่งจร้า เค้ารู้เลยว่าเป็นเรา สงสัยจำลูกค้าได้ หรือ อีนี้แน่ๆที่มีปัญหา 55+             สรุปว่าเค้าก็มาเปิด เหมือนที่เราเปิด แล้วก็ชี้ไปที่หน้าต่าง อะเคร....ไม่มีแอร์ มี Heaterนะ (ตอนหลังเมลล์ไปสอบถามเค้า…..สรุปว่า แอร์นะมีแต่เป็นแอร์รวมนะจะเปิดตามฤดูกาล อะไรประมาณนี้
   










      มาต่ออีกนิดสำหรับอาหารเช้าที่โรงแรมนี้ จะไม่ได้มีอาหารหนักเป็นจานหลักอะไรนะคะ
เตรียมหยิบอุปกรณ์การกินได้ตรงนี้คะ
    











         จะเป็นเพียง ขนมปัง ไข่ต้ม มันบด ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำส้ม เนย แยม มีอะไรทำนองนี้ทุกวัน เริ่มให้บริการแต่เช้าจนถึง9.30 และเวลาไปใช้บริการ จะต้องบริการตัวเอง จะอยู่ชั้น1 ชั้นเดียวกับเค้าร์เตอร์ที่เข้ามา แต่เดินตรงเข้าไปด้านหลัง Step การทานอาหารเช้า
1.เดินเข้าไปทางห้องอาหาร
2.หยิบถาด หยิบจาน(เหมือนเด็กนักเรียน)
3.ไปมุมอาหาร หยิบอาหารที่ชอบ ไข่ มันบด หนมปัง กาแฟ วนๆอยู่ตรงนั้นเสร็จก็ยกมานั้งหม่ำๆกันได้เลยคะ 
4.ทานเสร็จยกไปเก็บที่โต๊ะ(จะมีป้ายเขียนไว้...แต่อ่านไม่ออกหรอก) เป็นอันว่าจบอาหารเช้า






                         ----ครบ เรื่องครั้งแรก ทั้ง3 ใน Episode 3: แล้วนะคะ--- งั้นเราไปลุยกันต่อ

         เมื่อเก็บของนั้งพักเราก็มองว่าเราควรหาอะไรกิน...ก็เดินออกไปแบบมั่วๆ แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเพราะอย่างที่บอกร้านค้ายังเปิดและมีคนนั้งกันมากมาย เดินไปเจอ7-11สิ่งที่เราได้มาก็น้ำผลไม้ ข้าวปั้น สปาเกตตี้ กินง่ายๆกันตายซะหน่อย555 แล้วก็รีบนอน (ดีกว่า)

คืนนี้นอนหลับฝันดีนะจ๊ะ
เตรียมไปตะลุยกันต่อ....ไปไหนเดียวมาติดตามกันที่ Episode 4: